คาร์โบฟูแรน
(carbofuran)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงและไส้เดือนฝอย คาร์บาเมท(carbamate) ประเภทดูดซึม และออกฤทธิ์ได้ในทางสัมผัสและกินตาย cholinesterase inhibitor
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนู) 11 มก./กก. ทางผิวหนัง(กระต่าย) 10,200 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยกระโดดหลังขาว เพลี้ยไฟ หนอนม้วนใบข้าว หนอนกระทู้ควายพระอินทร์ หนอนกอลาย หนอนเจาะสมอ หนอนกอสีชมพู หนอนกอสีครีม ด้วงดีด และไส้เดือนฝอย
พืชที่ใช้ ฝ้าย ข้าว ยาสูบ ถั่วลิสง มันฝรั่ง ข้าวโพด ข้าวฟ่าง อ้อย ส้ม ถั่วเหลือง กล้วย กาแฟ ฟักทอง แตง องุ่น ผักต่าง ๆ
สูตรผสม 3% 5% จี 20% เอฟ และ 35% เอสที
อัตราการใช้และวิธีใช้ ชนิด 3% จี กำจัดศัตรูข้าว ใช้ 3-5 กก.ต่อไร่ ฝ้ายใช้ 5-8 กก.ต่อไร่ ถั่วลิสงใช้ 5 กก.ต่อไร่ ผักใช้ 5-15 กก.ต่อไร่ อ้อยใช้ 2.5-7.5 กก.ต่อไร่ มันฝรั่ง ใช้5-10 กก.ต่อไร่ ยาสูบใช้ 5-7.5 กก.ต่อไร่
ใช้หว่านลงในร่องปลูก สำหรับสูตรผสมชนิดอื่นให้ใช้ตามคำแนะนำของฉลาก
อาการเกิดพิษ ผู้ที่ได้รับพิษจะมีอาการวิงเวียนและปวดศีรษะ อ่อนเพลีย น้ำลายไหล เหงื่อออกมาก ปวดที่ช่องท้อง ท้องร่วง อาเจียน และหายใจติดขัด
การแก้พิษ ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้า เข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ ถ้ากลืนกินเข้าไปต้องทำให้คนไข้อาเจียนโดยเร็ว โดยการใช้นิ้วล้องคอหรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่น ๆ แล้วให้ผู้ป่วยกินยา อาโทรปินซัลเฟท ขนาด1/1000 เกรน 2 เม็ด แล้วรีบนำส่งแพทย์ทันที ในรายที่มีอาการรุนแรงให้ยาอาโทรปินซัลเฟท ขนาด 2-4 มก. ฉีดเข้าทางเส้นโลหิต ได้ถึง 4 มก. แล้วฉีดซ้ำอีก 2มก. ทุก ๆ 10-15 นาที จนกว่าผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้น แล้วรักษาตามอาการต่อไป
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 6 สัปดาห์
– ห้ามผสมกับปูนขาว lime sulfer และ Bordeaux และสารที่มีสภาพเป็นด่าง
– วิธีใช้ อัตราส่วนและเวลาการใช้แตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของพืช ควรศึกษารายละเอียดก่อนใช้ทุกครั้ง
– เป็นพิษต่อผึ้งและปลา
– ประสิทธิภาพจะลดน้อยลงถ้าสภาพดินแห้ง
– ห้ามใช้คาร์โบฟูแรนภายใน 21 วัน ในนาข้าวที่กำจัดวัชพืชด้วยโปรพานิลหรือจะใช้ โปรพานิลภายหลังการใช้
– ใช้กับต้นหอมที่เจตนาเพื่อเก็บหัวแก่เท่านั้น
คาร์โบฟีโนไธออน
(carbofenothion)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงและไร ออร์กาโนฟอสเฟท ประเภทไม่ดูดซึม ออกฤทธิ์เมื่อสัมผัสถูกและกินตาย cholinesterase inhibitor
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนู) 6.8-36.9 มก./กก. ทางผิวหนัง 1,270 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรต่าง ๆ หนอนกัดรากข้าวโพด และศัตรู ปศุสัตว์ เช่น เห็บ เหา ไร แมลงวัน และแมลงศัตรูภายนอกอื่น ๆ
พืชที่ใช้ ถั่ว ฝ้าย แตง องุ่น ข้าว ชา ส้ม มันฝรั่ง ข้าวโพด มะเขือ หอม ข้าวฟ่าง สตอเบอรี่ มะเขือเทศ ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม 47.9 % อีซี
อัตราการใช้และวิธีใช้ กำจัดแมลงทั่วไป ใช้อัตรา 10-20 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ควรศึกษารายละเอียดการใช้จากฉลากเพิ่มเติมก่อนใช้ ผสมกับน้ำแล้วฉีดให้ทั่วต้นพืช ใช้ซ้ำตามความจำเป็น
อาการเกิดพิษ ผู้ที่ได้รับพิษจะมีอาการวิงเวียนและปวดศีรษะ ตื่นเต้น ตกใจง่าย ตาพร่า อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน น้ำมูกและน้ำตาไหล ผิวหนังเป็นตุ่ม กล้ามเนื้อกระตุกและไม่มีความรู้สึกทางสัมผัส
การแก้พิษ ถ้า ถูกผิวหนังหรือเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ หลายครั้ง ถ้ากลืนกินเข้าไปต้องทำให้คนไข้อาเจียนโดยการใช้นิ้วล้องคอหรือให้ดื่มน้ำ เกลืออุ่น ๆ หลังอาเจียนแล้วให้คนไข้กินถ่านยา เพื่อช่วยดูดซับพิษที่หลงเหลือตกค้างอยู่ในกระเพาะ หรือให้คนไข้กินไข่สด ก็จะช่วยให้คนไข้หายเร็วขึ้น อย่าให้คนไข้กินยานอนหลับหรือยาแก้ปวดใด ๆ เพราะจะทำให้มีอาการรุนแรงยิ่งขึ้น ยากที่แก้พิษคือ อาโทรปินซัลเฟท ให้ขนาด 2-4 มก.ฉีดแบบ 1V และฉีดซ้ำทุก 5-10 นาที จนเกิดอาการ atropinization
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 7-21 วัน
– ให้พิษตกค้างยาวนาน
– เป็นพิษเมื่อถูกผิวหนังและหายใจเข้าไป
– เป็นพิษต่อผึ้งและปลา
– ไวไฟ
คาร์โบซัลแฟน
(carbosulfan)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงคาร์บาเมท(carbamate)ประเภทดูดซึม ออกฤทธิ์ได้ในทางสัมผัสถูกและกินตาย cholinesterase inhibitor
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนูตัวผู้) 209 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยกระโดด เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย แมลงหวี่ขาว หนอนกอแถบลาย หนอนกอสีชมพู หนอนเจาะเถามันเทศ หนอนเจาะยอดและเจาะผล ด้วงงวงมันเทศ หนอนกัดรากข้าวโพด มวนและไส้เดือนฝอย
พืชที่ใช้ อ้อย ข้าว แตงโม มันเทศ มะเขือยาว มะเขือเปราะ พริก ฝ้าย ไม้ผล ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง มันฝรั่ง ส้ม พืชผักและพืชไร่อื่น ๆ
สูตรผสม 20% อีซี และ 25% เอสที
อัตราการใช้และวิธีใช้ กำจัดแมลงทั่วไปใช้อัตรา 40-80 กรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ควรศึกษารายละเอียดการใช้จากฉลากเพิ่มเติมก่อนใช้ ฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช
อาการเกิดพิษ ผู้ที่ได้รับพิษจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย น้ำลายไหล เหงื่อออกมาก ตาพร่า คลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้อสั่นกระตุก หน้าท้องเกร็ง ท้องเสียและหายใจขัด
การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้า เข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไปอย่าทำให้คนไข้อาเจียน เพราะจะเป็นการทำลายระบบหายใจ สำหรับแพทย์ ในกรณีเข้าตาให้หยอดตาคนไข้ด้วย โฮมาโทรปิน(Homatropine) ในรายที่มีอาการแพ้พิษ ให้ฉีดด้วยอะโทรปิน 2 มก. เข้าทาง IV หรือ SC แล้วฉีดซ้ำทุก 10-15 นาที จนผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้วรักษาตามอาการต่อไป ห้ามใช้ oxime หรือ 2-PPM โดยเด็ดขาด
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 15 วัน
– เป็นอันตรายต่อปลา
คาร์แทพ
(cartap)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงไธโอคาร์บาเมท(thiocarbamate) ออกฤทธิ์ได้ในทางสัมผัสถูกและกินตาย cholinesterase inhibitor
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนูตัวผู้) 345 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนกอแถบลาย หนอนกอสีครีม หนอนกอหัวดำ หนอนม้วนใบ หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนชอนใบส้ม หนอนใยกะหล่ำ ด้วยงวงเจาะสมอฝ้าย ด้วงเจาะหัวมันฝรั่ง หนอนผีเสื้อขาวกะหล่ำ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ และอื่น ๆ
พืชที่ใช้ ข้าว ส้ม มันฝรั่ง ถั่วต่าง ๆ องุ่น ชา ข้าวโพด ผักต่าง ๆ ไม้ผลและพืชอื่น ๆ
สูตรผสม 4% จี และ 50% เอสพี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ชนิด 4% จี ใช้อัตรา 4 กก./ไร่ หว่านให้ทั่วพื้นที่ ชนิด 50% เอสพี ใช้อัตรา 10-20 กรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืชเมื่อพบเห็นแมลงรบกวนพืชครั้งแรก ใช้ซ้ำตามความจำเป็น ควรศึกษารายละเอียดการใช้จากฉลากเพิ่มเติมก่อนใช้
อาการเกิดพิษ ผู้ที่ได้รับพิษจะมีอาการคลื่นไส้ ตัวสั่น น้ำลายฟูมปาก กล้ามเนื้อหดเกร็ง หายใจขัดและม่านตาขยาย
การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้า เข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไปต้องทำให้คนไข้อาเจียนโดยการใช้นิ้วล้องคอหรือ ให้ดื่มน้ำเกลืออุ่น ๆ แล้วนำส่งแพทย์ทันที สำหรับแพทย์sulphydryl agents เป็นยาแก้พิษ I-cysteine ใช้ฉีดแบบ IV หรือฉีดด้วย BALแบบ IM เพื่อรักษาคนไข้
ข้อควรรู้ – อาจมีอันตรายต่อฝ้าย
– เป็นพิษต่อปลา, ส่วนในผึ้งเป็นพิษต่ำ
– อย่าผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอย่างอื่นที่มีสภาพเป็นด่าง(alkaline)
– ออกฤทธิ์ช้า แมลงจะหยุดกินอาหารเมื่อฉีดพ่นถูกตัว
คิโนเม็ทธิโอเนท หรือ อ๊อกซี่ธิโอควิน๊อกซ์
(chinomethionate or oxythioquinox)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลง ไร และเชื้อรา ออร์แกนนิค-ไฮโดรคาร์บอน ออกฤทธิ์ในทางสัมผัสไม่ดูดซึม
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนู) 2,500-3,000มก./กก. ทางผิวหนัง(หนู) มากกว่า 2000 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ ไรชนิดต่าง ๆ แมลงหวี่ขาว หนอนผีเสื้อต่าง ๆ รวมทั้งโรคราแป้ง(powder mildew) พิษตกค้างสามารถกำจัดไข่และตัวเต็มวัยของไรได้ด้วย
พืชที่ใช้ แอปเปิล เชอรรี่ ส้ม สตรอเบอร์รี่ ผักต่าง ๆ ไม้ผล ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม 25% ดับบลิวพี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก ผสมน้ำฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืชเมื่อพบว่ามีไร แมลงหรือโรคราแป้งทำลายพืชที่ปลูก ใช้ซ้ำได้ตามความจำเป็น
ข้อควรรู้ – เป็นพิษต่อปลา, ค่อนข้างไม่เป็นพิษต่อผึ้ง
– เป็นพิษต่อกุหลาบถ้าใช้ในสภาพที่มีอากาศร้อน
คลอร์เฟนวินฟอส
(chorfenvinphos)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงและไรออร์กาโนฟอสเฟท ออกฤทธิ์ในทางสัมผัสถูกและในทางหายใจ ผลของพิษตกค้างยาวนาน cholinesterase inhibitor
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนู) 10-39 มก./กก. ทางผิวหนัง(กระต่าย) 400-700 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนแมลงวัน หนอนกัดราก หนอนคืบ หนอนกระทู้ หนอนเขียว หนอนม้วนใบ ด้วงเง่ากล้วย แมลงวันผลไม้ เพลี้ยจักจั่น หนอนกอ หนอนเจาะต้นอ้อย เห็บ เหา หมัด และ screwworm
พืชที่ใช้ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า หอม ถั่ว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าว มันฝรั่งและใช้ในทางปศุสัตว์
สูตรผสม 10% จี และ 24% อีซี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ชนิด 24% อีซี ใช้อัตรา 30-50 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ชนิด 10% จี ใช้อัตรา 1-1.5 กก./ไร่ หว่านให้ทั่วพื้นที่ ควรศึกษารายละเอียดการใช้จากฉลากเพิ่มเติมก่อนใช้ ในทางปศุสัตว์ใช้ได้โดยการฉีดพ่นบนตัวสัตว์และผสมน้ำให้สัตว์อาบหรือจุ่ม
อาการเกิดพิษ จะมีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ตาลาย แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ปวดท้อง อาเจียน และมีเหงื่อออกมาก
การแก้พิษ ให้รีบนำผู้ป่วยออกจากบริเวณที่ใช้ไปอยู่ในที่มีอากาศบริสุทธิ์ เช็ดตัวและหน้าคนไข้แล้วให้กินยาอะโทรปิน ซัลเฟท ขนาด 1/100 เกรน 2 เม็ด แล้วนำผู้ป่วยส่งแพทย์ toxogonin เป็นยาที่ใช้แก้พิษได้
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 21 วัน
– เป็นพิษเมื่อถูกกับผิวหนังหรือกลืนกินเข้าไป ทำให้ผิวหนังและดวงตาระคายเคือง
– เป็นอันตรายต่อปลา พิษตกค้างไม่เป็นอันตรายต่อผึ้ง
– สามารถผสมได้กับสารกำจัดศัตรูพืชเกือบทั้งหมด
– ให้ผลในการควบคุมเป็นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์
คลอร์ฟลูอะซูรอน
(chlorfluazuron)
การออกฤทธิ์ เป็นสารระงับการเจริญเติบโตของแมลง ทำให้ไม่ลอกคราบหรือ chitin inhibitor
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนู) มากกว่า 8,500มก./กก. ทางผิวหนัง (หนู) มากกว่า 1,000 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนใยผัก หนอนหนังเหนียว หนอนกระทู้ หนอนคืบ หนอนกินใบ หนอนเจาะสมอ หนอนเจาะฝัก หนอนกัดกินดอก และหนอนผีเสื้ออื่น ๆ
พืชที่ใช้ ผักตระกูลกะหล่ำ หอม หริก ฝ้าย ไม้ผล ไม้ดอกและไม้ประดับทั่ว ๆ ไป
สูตรผสม 5% อีซี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ทั่ว ๆ ไปใช้อัตรา 15-30 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ผสมกับน้ำกวนให้เข้ากันดี แล้วฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ควรศึกษารายละเอียดการใช้จากฉลากเพิ่มเติมก่อนใช้
อาการเกิดพิษ ในกรณีที่กลืนกินเข้าไป อาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้
การแก้พิษ ในกรณีที่มีอาการระคายเคืองที่ผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไปไม่มียาแก้พิษโดยตรงให้รักษาตามอาการที่ปรากฏ
คลอร์ไพรีฟอส
(chlorpyrifos)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงออร์กาโนฟอสเฟท ประเภทไม่ดูดซึม ออกฤทธิ์ได้ในทางสัมผัสและกินตาย เป็น cholinesterase inhibitor
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนู) 97-276 มก./กก. ทางผิวหนัง(กระต่าย) 2,000 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ เพลี้ยอ่อน มด หนอนใยผัก หนอนผีเสื้อขาวกะหล่ำ หนอนกระทู้ต่าง ๆ หนอนเจาะสมอสีชมพู หนอนกอลาย เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยกระโดด ไรแดง ไรสนิมส้ม เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้ง แมลงวันทอง แมลงหวี่ขาว ด้วงงวงเจาะสมอ
พืชที่ใช้ ผักต่าง ๆ ข้าวโพด ฝ้าย ถั่วลิสง ถั่วเหลือง มันฝรั่ง ข้าว อ้อย ยาสูบ ส้ม สตรอเบอร์รี่ แอสปารากัส ไม้ผล มะเขือเทศ ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม 20% อีซี, 40% อีซี, 2.5% จี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ชนิด 20% อีซี ใช้อัตรา 25-90 กรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ผสมน้ำกวนให้เข้ากันดีฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ควรศึกษารายละเอียดการใช้จากฉลากเพิ่มเติมก่อนใช้
อาการเกิดพิษ จะมีอาการเซื่องซึม ตาพร่า ช่องท้องปวดเกร็ง แน่นหน้าอก กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย ปวดศีรษะ หายใจขัด ม่านตาหรี่ น้ำลายไหล คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง เหงื่อออกมาก และตัวสั่นผู้ที่ได้รับพิษจะมีอาการคลื่นไส้ ตัวสั่น น้ำลายฟูมปาก กล้ามเนื้อหดเกร็ง หายใจขัดและม่านตาขยาย
การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้า เข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไปให้รีบนำส่งแพทย์ทันที สำหรับแพทย์ ยาแก้พิษที่ใช้ คือ อะโทรปิน ซัลเฟท
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 7-14 วัน
– เป็นพิษต่อปลา อันตรายกับผึ้ง ไม่ควรใช้ในระยะที่ต้นไม้ออกดอก
– อย่าผสมกับสารที่มีสภาพเป็นด่าง และไม่เข้ากับซีเน็บ
– มีฤทธิ์ตกค้างสั้นเมื่อฉีดพ่นใบพืช
– ไวไฟ
คลอร์ไพรีฟอส-เม็ทธิล
(chlorpyrifos-methyl)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงออร์กาโนฟอสเฟท ประเภทไม่ดูดซึม ออกฤทธิ์ได้ในทางสัมผัสและกินตาย และไอระเหยมีพิษ cholinesterase inhibitor
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนู) 2,000-3,000 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ แมลงศัตรูในบ้านเรือนและโรงเก็บผลิตผลทางการเกษตร แมลงวัน ยุง และแมลงศัตรูพืช ผลไม้และผัก
พืชที่ใช้ เมล็ดพืชในโรงเก็บ ผักต่าง ๆ ฝ้าย ส้ม องุ่น
สูตรผสม 50% อีซี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ตามคำแนะนำในฉลาก
การแก้พิษ อะโทรปิน ซัลเฟท
ข้อควรรู้ – เป็นพิษต่อปลา
– มีพิษตกค้างระยะสั้นเมื่อฉีดพ่นใบพืช
– อาจใช้ฉีดพ่นกำจัดแมลงศัตรูพืชในโรงเก็บก่อนใช้เก็บผลผลิตได้
– ทำให้ดวงตาและผิวหนังเกิดอาการระคายเคือง
– ไวไฟ
คลอโรเบ็นชิเลท
(chlorobenzilate)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดไรออร์กาโนคลอรีน ที่ออกฤทธิ์ได้ในทางสัมผัสแต่ไม่ดูดซึม
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนู) 702 มก./กก. ทางผิวหนัง(หนู)มากกว่า 5,000 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ ไรทุกชนิด
พืชที่ใช้ ส้ม องุ่น ถั่วเหลือง ฝ้าย ชา พุทรา สตรอเบอร์รี่ และผักต่าง ๆ
สูตรผสม 25% อีซี และดับบลิวพี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ชนิด 25% อีซี ใช้อัตรา 20-40 กรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ผสมน้ำกวนให้เข้ากันดีฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ควรศึกษารายละเอียดการใช้จากฉลากเพิ่มเติมก่อนใช้
อาการเกิดพิษ ผู้ได้รับพิษจะมีอาการมึนงง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย อาการชาเกิดขึ้นบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย กล้ามเนื้อกระตุก ตาโปน สั่น ชักเกร็ง และชักกระตุก ถ้ากลืนกินเข้าไปจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ้ารุนแรงจะมีอาการตัวซีด และคล้ำ เพราะขาดออกซิเจน และหมดสติ
การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังและเกิดพิษให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ ถ้าเข้าปากให้รีบนำส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ ทำให้คนไข้อาเจียน โดยใช้ยา Syrup of IPECAC 30 ซีซี แล้วให้กินถ่านยาแอ๊คติเวทเต็ดชาโคล เพื่อดูดซับพิษ หากอาการไม่ดีขึ้น ให้ล้างท้องด้วย Isotonic saline หรือSodium bicarbonate 5% แล้วรักษาตามอาการ
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 21 วัน
– เป็นพิษกับสัตว์เลือดอุ่นเล็กน้อย ปลอดภัยกับแมลงที่เป็นประโยชน์
– ผสมได้กับสารกำจัดแมลงและสารกำจัดเชื้อราอย่างอื่นได้ ยกเว้นชนิดที่มีสภาพเป็นด่างสูง
– อย่าใช้กับไม้ดอก ไม้ประดับในสภาพที่มีอากาศร้อนเกิน 32 องศาเซลเซียส
คลอเฟนทีซิน
(chlofentezine)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดไข่และไร เท็ทตราซิงค์(tetrazinc) ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก(หนู)มากกว่า 3,200มก./กก. ทางผิวหนัง(หนู)มากกว่า 1,332 มก./กก.ทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคือง
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ ไรทุกชนิด
พืชที่ใช้ แอปเปิล ส้ม ฝ้าย แตงกวา แตงโม พริกไทย องุ่น ผักต่าง ๆ และไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม 50% อีซี และ 50% ดับบลิวพี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ศึกษาจากฉลาก
การแก้พิษ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ รักษาตามอาการที่ปรากฏ
ข้อควรรู้ – เป็นสารกำจัดแมลงที่มีการเจาะจงในการกำจัดไข่และไรในระยะตัวอ่อนได้ดีเป็นพิเศษ
– ปลอดภัยกับผึ้ง และแมลงที่เป็นประโยชน์
– ออกฤทธิ์ช้า
– ให้ผลดีในระยะ 10-12 อาทิตย์
คูมาฟอส
(coumaphos)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงออร์กาโนฟอสเฟท ประเภทดูดซึม
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก (หนู) ประมาณ 56-230 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ เหา เห็บ หมัด ขี้เรื้อน แมลงวัน เหลือบ ตัวเบียฬภายนอกตัวสัตว์ screwworm ไรไก่ ยุง และแมลงศัตรูปศุสัตว์อื่น ๆ
สัตว์ที่ใช้ แพะ แกะ ม้า หมู สุนัข ไก่ และเป็ดและโรงเรือน
สูตรผสม 25% ดับบลิวพี , 1% และ 5% ฝุ่น
อัตราการใช้และวิธีใช้ ศึกษารายละเอียดจากฉลาก
การแก้พิษ อะโทรปินซัลเฟท หรือ 2-PAM ร่วมกับอะโทรปิน
ข้อควรรู้ – อย่าฉีดพ่นกับสัตว์ที่อยู่ในกรงและที่ที่มีอากาศถ่ายเทไม่ดี
– อย่าใช้กับสัตว์ป่วยหรือลูกสัตว์ที่มีอายุน้อยกว่า 3 เดือน
– ใช้ป้องกัน screwworm ได้ 10-20 วัน
ไซอาโนฟอส
(cyanophos)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงออร์กาโนฟอสเฟท
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก (หนูตัวเมีย) 610 มก./กก. (หนูตัวผู้) 580 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 2,500 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนเขียวผัก หนอนกระทู้กะหล่ำ หนอนใย หนอนแมลงวันหอม เพลี้ยอ่อน แมลงเต่าทอง หนอนเจาะฝักถั่ว แมลงวันบ้าน ยุง แมลงสาบ เรือด และแมลงศัตรูพืชอื่น ๆ
พืชที่ใช้ พืชตระกูลกะหล่ำ ไม้ผล มันฝรั่ง มะเขือ ถั่วเหลือง ยาสูบ และผักต่าง ๆ รวมทั้งในบ้านเรือน
สูตรผสม 50% อีซี.
อัตราการใช้และวิธีใช้ ศึกษารายละเอียดจากฉลาก
ข้อควรรู้ – ไม่กำจัดไร
– เป็นพิษต่อปลาปานกลาง เป็นพิษต่อผึ้ง
– ออกฤทธิ์น๊อคแมลงได้เร็ว
ไซอาโนเฟ็นฟอส
(cyanofenphos)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงออร์กาโนฟอสเฟต ประเภทดูดซึม ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส กินตาย และในทางหายใจ
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก (หนู) 89 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 2,000 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนกอชนิดต่าง ๆ หนอนใยผัก หนอนคืบ หนอนกระทู้ หนอนม้วนใบ หนอนเจาะสมอ แมลง บั่ว เพลี้ยจักจั่นชนิดต่าง ๆ เพลี้ยกระโดด แมลงหวี่ขาว มวนเขียว หนอนแมลงวันเจาะยอด ข้าวฟ่าง เพลี้ยอ่อน ด้วงงวงเจาะสมอ และอื่น ๆ
พืชที่ใช้ ฝ้าย ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ชา ยาสูบ องุ่น ข้าว ถั่วเหลือง และผักต่าง ๆ
สูตรผสม 25% อีซี.
อัตราการใช้ ผักและถั่วเหลืองใช้อัตรา 20-40 ซีซี. ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฝ้าย ข้าวโพดและข้าวฟ่าง ใช้อัตรา 40-60 ซีซี. ผสมกับน้ำ 20 ลิตร
วิธีใช้ ผสมกับน้ำกวนให้ผสมกันดีแล้ว ฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ใช้ซ้ำได้ตามความจำเป็น
อาการเกิดพิษ ทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังและดวงตา ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไปจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ตาพร่า แน่นหน้าอก หายใจขัด หน้าท้องเกร็ง ท้องเดิน น้ำลายไหล น้ำตาและเหงื่อออกมาก มือและเท้าสั่น ม่านตาหรี่ เนื้อตัวเขียวคล้ำ ในขั้นรุนแรงจะมีอาการชักระบบหายใจล้มเหลวและตาย
การแก้พิษ เมื่อเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไปให้รีบนำส่งแพทย์ทันที สำหรับแพทย์ให้ใช้ยา 2-PAM ขนาด 1-2 มก. ฉีดแบบ IV หรือ IM ช้า ๆ ร่วมกับน้ำยา isotonic saline 5% ถ้ามีอาการชักอยู่อีกให้ฉีดซ้ำภายใน 10-12 ชม. ถ้าคนไข้มีอาการ cyanosis ควรให้ atropine sulplets ขนาด 2-4 มก. และให้ซ้ำจนกว่าอาการจะหมดไป
ข้อควรรู้ – เป็นพิษต่อปลาและผึ้ง
– เป็นพิษต่อสัตว์เลือดอุ่นน้อย
ไซฮาโลธริน
(cyhalothrin)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงไพรีทรอยด์ ประเภทไม่ดูดซึม ออกฤทธิ์ในทางสัมผัสและกินตาย
ความเป็นพิษ ชนิด Technical Grade มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก (หนูตัวผู้) 79 มก./กก. (หนูตัวเมีย) 56 มก./กก. ทางผิวหนัง (หนูตัวเมีย) 696 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น แมลงหวี่ขาว ด้วงหมัดกระโดด หนอนใยผัก หนอนกระทู้ หนอนคืบ หนอนกินใบและดอก หนอนเจาะฝัก หนอนม้วนใบ หนอนเจาะสมอ และหนอนผีเสื้ออื่น ๆ รวมทั้งไรชนิดต่าง ๆ
พืชที่ใช้ ผักต่าง ๆ หอม มะเขือเทศ แตง ถั่วชนิดต่าง ๆ ข้าวโพด ข้าวฟ่าง มะม่วง ส้ม ไม้ผลอื่น ๆ และไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม 2.5% และ 5% อีซี.
อัตราการใช้ ชนิด 2.5% อีซี. ใช้อัตรา 8-16 ซีซี. ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ชนิด 5% อีซี. ใช้อัตรา 8-16 ซีซี. ผสมกับน้ำ 20 ลิตร สำหรับฝ้ายกับพืชทั่วไป ใช้อัตรา 15-20 ซีซี. ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ศึกษารายละเอียดการใช้จากฉลากเพิ่มเติมก่อนใช้
วิธีใช้ ผสมกับน้ำกวนให้เข้ากันดี แล้วฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช
อาการเกิดพิษ เมื่อสัมผัสถูกผิวหนังอาจมีอาการระคายเคืองเป็นผื่นคันในรายที่แพ้อาจมีอาการคัดจมูกกล้ามเนื้อกระตุก ชัก ถ้าแพ้มากอาจมีอาการรุนแรง คนไข้อาจหมดสติ โดยทั่วไปอาการพิษที่เกิดขึ้นจะไม่แน่นอน
การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ ถ้ากลืนกินเข้าไป ห้ามทำให้ผู้ป่วยอาเจียน ให้ผู้ป่วยดื่มนมสด 1 แก้ว แล้วนำส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ ให้ล้างท้องคนป่วยด้วยน้ำหรือน้ำเกลือธรรมดา แล้วให้ยา diazepam ขนาด 2-5 มก. โดยฉีดแบบ IV หรือ IM และฉีดซ้ำทุก 2 ชม. ถ้าผู้ป่วยมีอาการชัก หรือหายใจไม่ออก ควรให้ออกซิเจนช่วย
ข้อควรรู้ – ใช้กำจัดแมลงศัตรูภายนอกของวัว และแกะได้
ไซฟลูธริน
(cyfluthrin)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงไพรีทรอยด์ ประเภทไม่ดูดซึม ออกฤทธิ์ในทางสัมผัสและกินตาย
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก (หนูตัวผู้) 540 มก./กก. (หนูตัวเมีย) 1,189 มก./กก. ทางผิวหนัง (หนู) มากกว่า 5,000 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนกระทู้หอม หนอนม้วนใบ หนอนคืบ หนอนเจาะสมอชนิดต่าง ๆ หนอนชอนใบ หนอนใยผัก หนอนผีเสื้อยาสูบ แมลงสามง่าม แมลงสาบ ปลวก ยุง ด้วงงวง แมลงวัน มด
พืชที่ใช้ ฝ้าย ส้ม องุ่น ยาสูบ ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง มันฝรั่ง มะเขือเทศ และผักต่าง ๆ
สูตรผสม 5% และ 10% อีซี.
อัตราการใช้และวิธีใช้ กับผักต่าง ๆ ใช้อัตรา 15 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร องุ่น ฝ้าย และพืชอื่น ๆ ใช้อัตรา 5-10 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ผสมกับน้ำกวนให้เข้ากันดี แล้วฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ใช้ซ้ำได้ตามความจำเป็น
อาการเกิดพิษ จะมีอาการกล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน ทำให้การเคลื่อนไหวผิดปรกติ หายใจขัด เซื่องซึม
การแก้พิษ ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไปให้รักษาตามอาการที่ปรากฏ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ ห้ามคนไข้รับประทาน นม น้ำมัน ไขมันและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 7-14 วัน
– เป็นพิษต่อปลาและผึ้ง
– ใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอย่างอื่นได้
– ออกฤทธิ์เร็ว
ไซเปอร์มีธริน
(cypermethrin)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงไพรีทรอยด์ ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส และกินตาย
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก (หนู) 200 มก./กก. ทางผิวหนัง (หนู) มากกว่า 1,600 มก./กก. ทำให้ผิวหนังและดวงตาเกิดอาการระคายเคือง
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนเจาะสมออเมริกัน หนอนเจาะสมอสีชมพู หนอนคืบ หนอนใยผัก หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ควายพระอินทร์ และหนอนผีเสื้ออื่น ๆ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยไฟ มวนแดง
พืชที่ใช้ ข้าว ส้ม ยาสูบ ฝ้าย องุ่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง กาแฟ ถั่วเหลือง ไม้ผล ผักต่าง ๆ ไม้ดอกและไม้ประดับทั่ว ๆ ไป
สูตรผสม 10% , 15% และ 25% อีซี.
อัตราการใช้และวิธีใช้ แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความเข้มข้นและชนิดของพืช ให้ศึกษารายละเอียดอัตราการใช้จากฉลาก ผสมกับน้ำกวนให้เข้ากันดี แล้วฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ใช้ซ้ำได้ตามความจำเป็น
อาการเกิดพิษ ถ้าได้รับปริมาณมากอาจทำให้มีอาการตัวสั่น กล้ามเนื้อกระตุกแขนขาไม่มีแรง และอาจถึงกับเป็นอัมพาต สำหรับผู้แพ้เมื่อถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการคันเป็นผื่นแดง
การแก้พิษ ถ้ากลืนกินเข้าไปอย่าทำให้อาเจียนหรือให้ของเหลวใด ๆ แก่คนไข้ ให้คนไข้นอนเหยียดคว่ำ แล้วนำส่งแพทย์ทันที ถ้าถูกตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดจำนวนมาก ๆ ทันที อย่างน้อย 15 นาที ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ สำหรับแพทย์ให้ล้างท้องคนไข้ด้วย sodium bicarbonate 5% แล้วฉีด diazepam ขนาด 2-5 มก. แบบ IV หรือ IM ถ้าจำเป็นอาจฉีดซ้ำได้ทุก ๆ 2 ชม. ถ้าคนไข้หายใจไม่ออกต้องให้ออกซิเจนแล้วฉีดอะโทรปินซัลเฟท ขนาด 1-2 มก.ทุก 30 นาที รักษาตามอาการ
ข้อควรรู้ – เป็นพิษต่อปลาและเป็นอันตรายกับผึ้ง ไม่ควรใช้ในระยะที่พืชออกดอก
– ออกฤทธิ์น๊อคแมลงได้เร็วและมีความคงตัวดี
– ผลในการกำจัดส่วนใหญ่ได้รับจากการที่ตัวยาถูกตัวหนอน เมื่อใช้กับพืชที่มีการเพาะปลูกหนาแน่น จึงควรเพิ่มปริมาณฉีดพ่น
– อัตราและช่วงเวลาการใช้เปลี่ยนแปลงไปตามชนิดของพืช ซึ่งควรศึกษารายละเอียดก่อนใช้ทุกครั้ง
– แมลงที่ต้านทานสารกำจัดแมลงกลุ่ม ออร์กาโนฟอสเฟทและออร์กาโนคลอรีน ส่วนมากจะแพ้สารกำจัดแมลงชนิดนี้
– ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยวไม่มี
ไซโรมาซีน
(cyromazine)
การออกฤทธิ์ เป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตของหนอนแมลง โดยไม่ให้หนอนลอกคราบเจริญเป็นตัวเต็มวัย
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก (หนู) มากกว่า 5,000 มก./กก. ทางผิวหนัง (หนู) มากกว่า 2,000 มก./กก. ทำให้ดวงตาและผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองเล็กน้อย
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ ใช้ควบคุมการเจริญเติบโตของหนอนแมลงวันโดยเฉพาะ
สถานที่ใช้ กองมูลสัตว์ในคอกสัตว์เลี้ยง ไก่ หมู และวัว
สูตรผสม 25% ดับบลิวพี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ใช้อัตรา 250 กรัม ผสมกับน้ำ 10 ลิตร เมื่อใช้ฉีดโดยวิธีฉีดพ่นหรือราด ถ้าใช้โดยวิธีโรยหรือหว่านให้ใช้อัตรา 250 กรัม / 1 ตารางเมตร ก่อนใช้ควรอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากฉลาก
อาการเกิดพิษ เมื่อถูกผิวหนังมาก ๆ จะทำให้ผิวหนังระคายเคือง หรือถ้าพิษเข้าสู่ร่างกายมาก ๆ จะมีอาการคลื่นไส้ หายใจขัด กล้ามเนื้อกระตุก และจะกลับคืนสู่สภาพปรกติได้ภายใน 2-3 วัน หลังจากที่สารพิษถูกขับออกทางปัสสาวะ
การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำที่สะอาดหลาย ๆ ครั้ง ถ้ากลืนกินเข้าไปทำให้อาเจียนโดยการดื่มน้ำเกลืออุ่นหรือล้วงคอ รักษาตามอาการ
ดี ดี ที
(D D T)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงออร์กาโนคลอรีน ออกฤทธิ์ทั้งในทางสัมผัสและกินตาย
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลัน (acute oral LD 50) ทางปาก (คน) 250 มก./กก. (หนู) 113 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ ใช้กำจัดแมลงได้อย่างกว้างขวาง
พืชที่ใช้ ปัจจุบันห้ามใช้กับพืชทุกชนิด ใช้ได้เฉพาะในการกำจัดยุงที่เป็นพาหะนำเชื้อไข้มาเลเรียเท่านั้น
สูตรผสม 75% ดับบลิวพี
ข้อควรรู้ – เป็นอันตรายต่อพืชตระกูลแตง
– มีการสะสมอยู่หน้าผิวดินและสะสมในไขมันสัตว์และคน
– มีความคงตัวสูงและคงสภาพอยู่ได้นาน
– เมื่อใช้ไปนาน ๆ แมลงจะเกิดความต้านทาน
– ปัจจุบันอนุญาตให้นำเข้าและใช้เฉพาะในทางสาธารณสุขเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำเข้ามาใช้ในทางการเกษตร
เดลต้ามีธริน หรือดีคามีธริน
(deltamethrin or decamethrin)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงไพรีทรอยด์ ประเภทไม่ดูดซึม ออกฤทธิ์ในทางสัมผัสและกินตาย
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 128 มก./กก. ทางผิวหนัง (หนู) มากกว่า 2,000 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกระทู้ หนอนคืบกินใบฝ้าย หนอนม้วนใบ หนอนใยผัก หนอนผีเสื้อขาว หนอนแก้วส้ม หนอนชอนใบ หนอนเจาะลำต้น หนอนกอสีชมพู หนอนกระทู้หอม มวนแดง มวนเขียว เพลี้ยไฟ ด้วงงวงและเพลี้ยอ่อน
พืชที่ใช้ ฝ้าย มะเขือเทศ ส้ม ข้าว ข้าวโพด ยาสูบ พริก อ้อย ถั่วต่าง ๆ ผักตระกูลกะหล่ำ กระเทียมและหอม
สูตรผสม 3% , 5% อีซี 0.5% ยูแอลวี 2.5% ดับบลิวพี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ชนิด 3% อีซี เมื่อใช้กับพืชทั่วไป ใช้อัตรา 5-10 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร เมื่อใช้กับฝ้าย ข้าว ยาสูบ พริก ให้ใช้อัตรา 10-15 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร สำหรับสูตรผสมชนิดอื่นให้ศึกษารายละเอียดอัตราการใช้จากฉลาก ควรผสมให้เข้ากันดี แล้วฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ฉีดซ้ำได้ตามความจำเป็น จะให้ผลในการคุ้มกันประมาณ 7-21 วัน
อาการเกิดพิษ ถ้าถูกผิวหนังหรือดวงตาจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง ถ้าดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นช้าลง แล้วตามด้วยการมีความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วมีอาการทางประสาท ตกใจง่าย ซึม ตัวสั่นและชักกระตุก
การแก้พิษ ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดจำนวนมาก ๆ ถ้ากลืนกินเข้าไปให้รีบนำส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ทำให้คนไข้อาเจียนแล้วให้รับประทานยาลดกรด 2-3 วัน ในรายที่มีอาการทางประสาท ให้ยาบาร์บิทูเรท ที่ออกฤทธิ์ปานกลางฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือ IV ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ รักษาตามอาการ
ข้อควรรู้ – เป็นพิษต่อปลาและสัตว์น้ำอย่างอื่น
– เป็นพิษต่อผึ้ง จึงไม่ควรใช้ในระยะที่ต้นไม้กำลังออกดอก
– เป็นพิษต่อแมลงวันบ้านมากกว่าไพเรธรินประมาณ 1,000 เท่า
– ออกฤทธิ์เร็ว ขับไล่แมลงได้เล็กน้อย
– คงตัวอยู่ได้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ มีประสิทธิภาพในการกำจัดหนอนแมลงปากดูดได้ดี
– ประสิทธิภาพและความคงตัวอาจลดลงได้ในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส
ไดอะลิฟอส
(dialifos)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงและไรออร์กาโนฟอสเฟท ออกฤทธิ์เมื่อกินเข้าไปและเมื่อสัมผัสถูกไอเป็นพิษเมื่อหายใจเข้าไป
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 43-53 มก./กก. (Technical grade) ชนิด 40% อีซี มีพิษเฉียบพลันทางปาก 62 มก./กก. ทางผิวหนัง 145 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนเจาะสมอฝ้ายและหนอนผีเสื้ออื่น ๆ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว ไรสนิมและไรแดง
พืชที่ใช้ ส้ม องุ่น ฝ้ายและผักต่าง ๆ
สูตรผสม 40% อีซี
อัตราการใช้และวิธีใช้ โดยทั่วไปใช้อัตรา 25-50 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตรกวนให้เข้ากันดี แล้วใช้ฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากฉลาก
อาการเกิดพิษ เมื่อได้รับพิษไม่ว่าจะโดยทางปาก ผิวหนังหรือสูดดมเข้าไป จะมีอาการมึนงง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ม่านตาหรี่ ตาพร่า คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก ปวดท้องเกร็ง น้ำตาและน้ำลายไหล เหงื่อออกมาก กล้ามเนื้อกระตุก ตัวเขียวคล้ำขาดออกซิเจน
การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยสบู่ ถ้าเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ ถ้าเข้าปากและมีอาการเป็นพิษรุนแรง ให้คนไข้กินยา อะโทรปินซัลเฟท 1/100 เกรน 2 เม็ด แล้วนำคนไข้ส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ ให้ฉีดอะโทรปินซัลเฟท ขนาด 2-4 มก.แบบ IV ให้กับคนไข้ และฉีดซ้ำทุก 5-10 นาที จนกว่าอาการจะดีขึ้นหรือเกิดอาการ atropinization ในรายที่อาการไม่ดีขึ้นอาจให้ยา 2-PAM ร่วมกับอะโทรปินซัลเฟทได้ แล้วรักษาตามอาการ
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 7 วัน
ไดอะซิโนน
(diazinon)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงและไรออร์กาโนฟอสเฟท ออกฤทธิ์ในทางสัมผัสและกินตาย cholinesterase inhibitor
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 300-400 มก./กก. ทางผิวหนัง 3,600 มก./กก. เป็นอันตรายเมื่อสัมผัสถูก หายใจและกินเข้าไป
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนกอ หนอนกระทู้ หนอนม้วนใบ แมลงบั่ว เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยแป้ง มวนดอกรัก แมลงวันทอง ตักแตน เห็บ เหา หมัด เหลือบ มอดยาสูบ มอดข้าวสาร ด้วงงวงช้างและมด
พืชที่ใช้ ข้าว ส้ม กล้วย องุ่น กาแฟ ชา อ้อย ยาสูบ ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ฝ้าย บร๊อคโคลี่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คื่นฉ่าย หอม ผักอื่น ๆ ถั่วต่าง ๆ แตงโม ไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม 3% , 5% , 10% , 14% จี 40% ดับบลิวพี และ 60% อีซี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ชนิด 10% จี ในแปลงเพาะกล้าข้าวใช้อัตรา 4-5 กก./ไร่ ในนาข้าวใช้ 2-3 กก./ไร่ ชนิด 60% อีซี ใช้ 15-60 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช
อาการเกิดพิษ เมื่อได้รับพิษเข้าไปจะทำให้มีอาการมึนงง ปวดศีรษะ ตาพร่า คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง เหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย เป็นตะคริว ขาดออกซิเจน อึดอัดแน่นหน้าอก ม่านตาหรี่ น้ำตาและน้ำลายไหลออกมาก กล้ามเนื้อกระตุก
การแก้พิษ ถ้าสัมผัสถูกผิวหนังต้องล้างด้วยน้ำกับสบู่ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลายครั้ง ถ้าเข้าปากให้รีบนำส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ ให้ยาอะโทรปินซัลเฟท ขนาด 2-4 มก. ฉีดเข้าทางเส้นเลือด และฉีดซ้ำทุก ๆ 5-10 นาที จนเกิดอาการ atropinization ในรายที่รักษาด้วยอะโทรปินซัลเฟทอย่างเดียวไม่หาย ให้ใช้ยา 2-PAM รักษาร่วมกัน ห้ามใช้ยาพวกมอร์ฟีน ธิโอฟิลลีน และ แอมมิโนฟิลลีน กับคนไข้
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 14 วัน
– เป็นพิษต่อผึ้งจึงไม่ควรใช้ในระยะที่ต้นไม้กำลังออกดอก
– เป็ดและห่านอ่อนแอกับสารกำจัดแมลงชนิดนี้มาก
– ห้ามใช้ผสมกับสารพวกคอปเปอร์ (copper)
– ใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอย่างอื่นได้
– เป็นอันตรายเมื่อถูกกับผิวหนัง หายใจหรือกินเข้าไป
ไดโคลเฟนไธออน
(dichlofenthion)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดไส้เดือนฝอย แมลงในดิน ออร์กาโนฟอสเฟท และมีฤทธิ์ในการกำจัดแมลงได้เล็กน้อย ออกฤทธิ์ได้นานวัน ไม่ดูดซึม เป็น cholinesterase inhibitor
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 270 มก./กก. ทางผิวหนัง 6,000 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ ไส้เดือนฝอยที่ไม่ทำให้เกิดซิส (cyst) แมลงที่อยู่ในดิน และแมลงศัตรูปศุสัตว์
สูตรผสม 2.5% Oil และ 1% AE
อัตราการใช้และวิธีใช้ ศึกษารายละเอียดจากฉลาก
อาการเกิดพิษ ผู้ได้รับพิษจะมีอาการ ปวดศีรษะ มึนงง เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ตาพร่า ปลายลิ้นและเปลือกตาจะมีอาการกระตุก น้ำตาและเหงื่อออกมาก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเกร็งช่องท้อง แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้า ชัก หมดสติ และอาจเป็นอัมพาต
การแก้พิษ ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนัง ให้รีบล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ ถ้าเข้าปาก ให้รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ให้ฉีดผู้ป่วยด้วยยา อะโทรปินซัลเฟท ขนาด 2 มก. แบบ IV หรือ IM และฉีดซ้ำทุก 10-15 นาที ห้ามใช้ยา Phenothiazines Barbiturates. , Opiates และ Theophyllines.
ไดคลอวอส
(dichlorvos)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงและไรออร์กาโนฟอสเฟท ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส กินตาย และมีฤทธิ์เป็นสารรมควันพิษได้ด้วย
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 56-58 มก./กก. ทางผิวหนัง (หนู) 500 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ หนอนคืบกะหล่ำ หนอนใยผัก หนอนกระทู้ฝักข้าวโพด หนอนกระทู้ผัก หนอนเจาะโคนต้นกล้าถั่ว หนอนแก้วส้ม หนอนชอนใบ หนอนกระทู้กล้าข้าว หนอนกระทู้ควายพระอินทร์ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยหอย ไรต่าง ๆ นอกจากนี้ยังใช้กำจัดแมลงศัตรูในบ้านเรือนในทางสาธารณสุขและในทางปศุสัตว์ เช่น เหา ไร หมัด ยุง แมลงวัน แมลงสาบ มอดยาสูบ ด้วงงวงและด้วงคอหยัก
พืชที่ใช้ ฝ้าย องุ่น ผักต่าง ๆ แตง มะเขือเทศ ส้ม ยาสูบ กล้วย ข้าว ชา และพืชอื่น ๆ สำหรับในทางปศุสัตว์ ใช้กำจัดศัตรูของ วัวเนื้อและวัวนม หมู แพะ แกะและสัตว์ปีก
สูตรผสม 50% อีซี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ในการกำจัดศัตรูพืช ใช้อัตรา 20-40 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ในทางปศุสัตว์ใช้อัตรา 0.05% ทาตามตัวสัตว์ หรือใช้ 2-5 ซีซี ต่อเนื้อที่ 100 ลูกบาศก์เมตร โดยฉีดพ่นเป็นหมอกควัน
อาการเกิดพิษ ผู้ได้รับพิษจะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออกมาก ม่านตาหรี่ ตาพร่า ท้องร่วงและหัวใจอาจวายอย่างกะทันหัน
การแก้พิษ ถ้ามีอาการเกิดที่ผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่ ถ้าเข้าตาให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไป ให้รีบนำส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ ให้ใช้ยา อะโทรปินซัลเฟท ฉีดให้คนไข้ทันที ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจให้ได้ถึง 1-2 มก. วันละหลายครั้ง และอาจใช้ 2-PAM ร่วมรักษาด้วยก็ได้
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 1-4 วัน
– เป็นอันตรายต่อผึ้ง ไม่ควรใช้ในระยะที่ต้นไม้กำลังออกดอก
– เป็นอันตรายต่อปลา อย่าปล่อยให้ปนเปื้อนกับน้ำในสระ
– ให้ผลในการน๊อคแมลงได้อย่างรวดเร็ว
– ใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอย่างอื่นได้
– สารตกค้างมีฤทธิ์อยู่ได้ 2-3 สัปดาห์
– อย่าใช้ผสมกับสารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
ไดโคโฟล
(dicofol)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดไรออร์กาโนคลอรีน ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 690 มก./กก. ทางผิวหนัง (หนู) 1,000-1,230 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ ไรชนิดต่าง ๆ กำจัดได้ทั้งในระยะที่ไรเป็นตัวอ่อนและตัวแก่
พืชที่ใช้ ส้ม องุ่น ฝ้าย มะม่วง มะนาว ปอ กุหลาบ ชา แตงกวา มะเขือ แตงโม พริกไทย ฟักทอง สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศ พืชไร่ ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป
สูตรผสม 18.5% , 25% อีซี 18.5% และ 25% ดับบลิวพี
อัตราการใช้และวิธีใช้ ชนิด 18.5% อีซี ใช้อัตรา 25-50 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร กวนให้เข้ากันดีแล้วฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช เมื่อตรวจพบว่ามีไรศัตรูพืชระบาด สำหรับสูตรผสมชนิดอื่น ให้ศึกษาอัตราการใช้จากฉลาก
อาการเกิดพิษ จะทำให้ผู้ได้รับพิษมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน กระวนกระวาย เจ็บที่ปลายลิ้น ริมฝีปากและบริเวณคางคล้ายกับถูกแทง ขากรรไกรแข็งและปวด ในกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการชักและตายได้
การแก้พิษ ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลายครั้ง ถ้ากลืนกินเข้าไปต้องรีบนำคนไข้ส่งแพทย์ ถ้าไม่มีวิธีรักษาต้องทำให้คนไข้อาเจียนด้วยการให้ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว แล้วล้วงคอด้วยนิ้วจนคนไข้อาเจียน ทำซ้ำจนอาเจียนออกหมด ถ้าคนไข้หมดสติอย่าทำให้คนไข้อาเจียน และอย่าให้อาหารแก่คนไข้ อาจให้ยาถ่ายกับคนไข้ได้แต่ต้อง ไม่ใช่ยาถ่ายประเภทที่มีน้ำมันและอย่าให้คนไข้ดื่มนม สำหรับแพทย์ ถ้าคนไข้มีอาการชักหรือสั่น ให้ฉีดด้วยยา บาร์บิทูเรท ร่วมกับแคลเซียมโซลูชั่น 10% เข้าทางเส้นเลือด ห้ามใช้มอร์ฟีนกับคนไข้
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 2-7 วัน
– เป็นอันตรายต่อเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง หรือเมื่อกลืนกินเข้าไป
– ทำให้ดวงตาและระบบหายใจเกิดอาการระคายเคือง
– เป็นพิษต่อปลา
– ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอื่นที่ใช้กันโดยทั่ว ๆ ไปได้
– ไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่มีประโยชน์
ไดโครโตฟอส
(dicrotophos)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดแมลงและไรออร์กาโนฟอสเฟทประเภทดูดซึม ออกฤทธิ์ในทางสัมผัสและกินตาย
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก 22 มก./กก. ทางผิวหนัง 225 มก./กก.
ศัตรูพืชที่กำจัดได้ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดด เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย ไรชนิดต่าง ๆ หนอนม้วนใบ หนอนกระทู้กล้า หนอนกระทู้ควายพระอินทร์ หนอนกอ หนอนเจาะลำต้น หนอนใยผัก แมลงดำหนาม บั่ว แมลงสิง มวนเขียว มวนแดง ด้วงงวงเจาะสมอ และแมลงอื่น ๆ
พืชที่ใช้ ข้าว มันฝรั่ง ธัญพืช ส้ม อ้อย ปาล์ม ยาสูบ ทุเรียน ถั่วลิสง กาแฟ ผักต่าง ๆ และไม้ผลทั่วไป
สูตรผสม 24% , 33% อีซี และ 50% อีซี
อัตราการใช้และวิธีใช้ สำหรับชนิด 24% อีซี โดยทั่วไปใช้อัตรา 20-40 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร กวนให้เข้ากันดีแล้วฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ภายหลังจากตรวจพบว่ามีแมลงศัตรูพืชรบกวน สำหรับสูตรความเข้มข้นชนิดอื่นให้ศึกษารายละเอียดจากฉลากก่อนใช้
อาการเกิดพิษ ผู้ได้รับพิษจะมีอาการวิงเวียนและปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ตาพร่า เหงื่อออกมาก แน่นหน้าอก ปวดท้อง น้ำลายไหล และกล้ามเนื้อเกร็ง
การแก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้รีบล้างด้วยน้ำกับสบู่ ถ้าเข้าตาให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไป ให้รีบนำส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ ให้ใช้ยาอะโทรปินซัลเฟท ขนาด 2 มก. ฉีดแบบ IV และฉีดซ้ำทุก 15 นาที จนเกิดอาการ atropinization อาจใช้ยา 2-PAM รักษาร่วมกับอะโทรปินซัลเฟทได้ แต่ห้ามใช้มอร์ฟีนและยาที่มีส่วนผสมของมอร์ฟีนโดยเด็ดขาด
ข้อควรรู้ – ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 2-7 วัน
– ออกฤทธิ์ได้เร็ว สามารถเข้าหรือใช้ผสมร่วมกับสารกำจัดศัตรูพืชทั่วไปได้
– หลังการใช้ภายใน 8 ชั่วโมง สารชนิดนี้จะถูกดูดซึมเข้าไปในต้นพืชได้มากกว่า 50% และสามารถออกฤทธิ์อยู่ได้นาน 7-21 วัน