12 อันดับวิตามินซียอดนิยม & คู่มือการเลือกซื้อวิตามินซี ! (2020)

วิตามินซี

วิตามินซีเกือบแทบจะทุกยี่ห้อบนข้างกระปุกจะเขียนว่า “แอสคอบิก แอซิด” (Ascorbic acid) ซึ่งกรดแอสคอบิกตัวนี้ก็เป็นสารเคมีที่สังเคราะห์ขึ้นมาให้มีลักษณะ “คล้ายกับวิตามินซีในบางส่วน” เพราะโครงสร้างจริง ๆ ของวิตามินซีนั้นมีความซับซ้อนสูงมาก และกรดแอสคอบิกก็เป็นเพียงแค่เปลือกของวิตามินซีจริง ๆ เท่านั้น

วิตามินซีที่แท้จริงจึงไม่ใช่แค่กรดแอสคอบิก แต่กฎหมายยอมให้เรียกกรดแอสคอบิกว่า “วิตามินซี” ได้ และถ้าจะให้ถูกเราต้องเรียกว่า “วิตามินซี คอมเพล็ก” (Vitamin C complex) เนื่องจากการที่วิตามินซีต่าง ๆ จะออกฤทธิ์ได้นั้นจะต้องอาศัยองค์ประกอบหรือทำงานร่วมกับสารต่าง ๆ ในร่างกาย นั่นจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลว่า ทำไมเราทานอาหารเสริมวิตามินซี (กรดแอสคอบิก) แล้วถึงไม่ค่อยเห็นผลใด ๆ ตามสรรพคุณ

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมองหาอาหารเสริมวิตามินซีคุณภาพสูงและคุ้มราคา ซึ่ง “คู่มือการเลือกซื้อวิตามินซี” ในบทความนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านรู้ถึงวิธีการเลือกซื้อวิตามินซี วิธีการอ่านฉลาก วิธีการดูส่วนผสมที่สำคัญที่อยู่ในวิตามินซี ฯลฯ รวมถึงข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อวิตามินซีและเพื่อให้รู้เท่าทันกับการโฆษณาของบริษัทที่ทำการผลิตวิตามินซีต่าง ๆ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านนะครับ

หมายเหตุ : ในบทความนี้เราจะไม่ได้พูดถึงประโยชน์และผลข้างเคียงวิตามินซี หรือพูดถึงว่าวิตามินซีคืออะไรได้จากอาหารอะไรบ้างนะครับ เพราะจะยาวเกินไป โดยบทความนี้จะขอเน้นไปที่วิธีการเลือกซื้อวิตามินซีและเปรียบเทียบวิตามินซียอดนิยมแต่ละยี่ห้อในท้องตลาดครับ

การเลือกซื้อวิตามินซี

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์วิตามินซีอยู่มากมายหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อ แต่ข้อมูลทั่วไปที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนต้องดูและรู้ในเบื้องต้นก่อนเลือกซื้อวิตามินซีใด ๆ ซักยี่ห้อนั้นมีข้อควรพิจารณาดังนี้ครับ

  • ผ่านการขออนุญาต มีการขออนุญาตผลิตหรือจำหน่ายอย่างถูกต้องไหม จาก อย. ก็ต้องมีเลขที่ขออนุญาตจาก อย
  • วันเดือนปีที่ผลิต วันเดือนปีที่ผลิตหรือวันเดือนปีที่หมดอายุต้องมีระบุไว้ชัดเจน
  • สถานที่ผลิตที่หลักมีแหล่งชัดเจน บริษัทที่ทำการผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่าย ต้องมีสถานที่ เบอร์โทรติดต่อที่ชัดเจน เพราะวิตามินซีที่มีการขายกันส่วนหนึ่งจะเป็นการนำเข้ามาในลักษณะผู้ขายนำเข้ามาเองหรือฝากคนอื่นซื้อมาให้โดยไม่ได้ขออนุญาตจาก อย. ไทย ซึ่งจะเสี่ยงต่อการปนเปื้อนและใช้วัตถุดิบราคาถูกมาผลิตได้ครับ ฉลากระบุข้อมูลอย่างละเอียดชัดเจน โดยฉลากต้องระบุปริมาณของวิตามินซีใน 1 เม็ดนั้นมีสารประกอบอื่น ๆ อะไรบ้าง, วิตามินซีอยู่ในรูปของสารใด (เช่น Ascorbic acid, Calcium ascorbate, Sodium ascorbate) ไม่แนะนำให้ซื้อวิตามินซีที่ฉลากระบุเพียงแค่ “Vitamin C 1000 mg” โดยไม่ระบุว่าอยู่ในรูปแบบของสารใดครับ
  • บรรจุอยู่ในขวดทึบ วิตามินซีจะต้องบรรจุอยู่ในขวดหรือแผงทึบที่มองไม่เห็นตัวเม็ดวิตามินซีเท่านั้น เนื่องจากวิตามินซีค่อนข้างเปราะบางมาก ไม่ทนต่อความร้อนและแสงแดด และไม่ทนต่อความเป็นด่าง
  • เลือกซื้อจำนวนเม็ดและขนาดขวดให้เหมาะสมกับจำนวนผู้รับประทาน ถ้าทานเป็นครอบครัว 3-5 คนขึ้นไป ก็ให้ซื้อขวดใหญ่หน่อยอย่าง 100-150 เม็ด หรือในทางกลับกันถ้าทานเพียงคนเดียวก็แนะนำให้ซื้อขวดเล็ก 30 เม็ด หรือ 60 เม็ด (ในกรณีที่ทานเช้า-เย็น) หรือจะซื้อขวดใหญ่แล้วมาแบ่งบรรจุลงในขวดเล็กอีกทีเพื่อให้ประหยัดขึ้นแบบนี้ก็ได้ครับ แต่ที่ไม่แนะนำอย่างยิ่งเลยก็คือการซื้อขวดใหญ่มาทานคนเดียวหรือทาน 3-4 เดือนกว่าจะหมด เพราะถ้าเราต้องเปิดขวดวิตามินซีทุก ๆ วัน อากาศจะเข้าไปทำให้วิตามินซีที่เหลืออยู่ในกระปุกเสื่อมคุณภาพลงไปเรื่อย ๆ (ถึงแม้จะมีตัวดูดซับความชื้นก็ช่วยไม่ได้เท่าไหร่นะครับถ้าเปิดเข้าเปิดออกทุกวัน)
  • วิตามินซีรูปแบบไหนดีที่สุด ? คุณจะทานวิตามินซีรูปแบบไหนก็ได้แล้วแต่สะดวก ไม่ว่าจะเป็นแบบเม็ด แบบแคปซูล แบบเคี้ยว แบบน้ำ หรือแบบละลายน้ำ ขอแค่วิตามินซีที่คุณเลือกนั้นถูกผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ร่างกายก็จะได้ประโยชน์เหมือน ๆ กันครับ เพียงแต่ว่าแต่ละรูปแบบจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันบ้าง เช่น
    • วิตามินซีแบบเม็ด ซึ่งมักจะมีขนาดเม็ดที่ใหญ่พอสมควร บางคนทานแล้วจึงอาจมีปัญหาในการกลืนบ้าง และหลังทานก็อาจต้องดื่มน้ำตามเยอะ ๆ สัก 1 แก้ว เพราะวิตามินแบบเม็ดจะต้องใช้น้ำเพื่อช่วยในการแตกตัวมากกว่ารูปแบบอื่น
    • วิตามินซีแบบแคปซูล รูปแบบนี้ปกติจะมีราคาแพงกว่าแบบเม็ด มีข้อดี คือ กลืนง่ายและแตกตัวง่ายกว่ารูปแบบเม็ด
    • วิตามินซีแบบเคี้ยว (ลักษณะคล้ายเยลลี่) เป็นรูปแบบที่จะมีการแต่งสีและรสชาติค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะรสหวานของน้ำตาล จึงเหมาะสำหรับเด็ก ผู้ที่กลืนวิตามินเม็ดใหญ่ ๆ ได้ลำบาก แต่การเลือกซื้อวิตามินซีรูปแบบนี้ก็ควรเลือกแบบที่ไม่ใส่สารกันบูดและให้ปริมาณวิตามินซีที่เพียงพอต่อวันด้วยนะครับ
    • วิตามินซีรูปแบบผง แบบเม็ดฟู่ละลายน้ำ หรือแบบน้ำ เป็นรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยม เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกลืนวิตามินแบบเป็นเม็ดใหญ่ ๆ เพราะทานง่าย และยังสามารถนำมาชงกับน้ำเปล่าหรือผสมกับน้ำผลไม้อื่น ๆ ได้ด้วย ส่วนการเลือกซื้อวิตามินซีรูปแบบชงก็แนะนำแบบปราศจากน้ำตาลครับ เพราะบางชนิดบางยี่ห้อจะมีการใส่น้ำตาลลงไปด้วยในปริมาณมากเพื่อให้ความหวาน
  • วิตามินซีสูตรออกฤทธิ์ใหม่ ปัจจุบันมีวิตามินซีที่ปรับให้ฤทธิ์เป็นกลาง ทำให้ทานแล้วไม่ระคายเคืองในคนมีปัญหาเรื่องกระเพาะ และยังมีแบบที่ค่อย ๆ ละลาย ค่อย ๆ ออกฤทธิ์หรือออกฤทธิ์ยาวนานด้วยครับ (แต่จากการศึกษาเปรียบเทียบระดับ Ascorbic acid ในเลือดระหว่างอาสาสมัครที่ทาน Ascorbic รูปแบบธรรมดากับรูปแบบปลดปล่อยยาช้า ๆ ในขนาดเท่ากัน เมื่อวัดระดับ Ascorbic ในกระแสเลือดของอาสาสมัครทั้งสองกลุ่มก็พบว่าไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญครับ คือจะทานสูตรปกติหรือสูตรแบบค่อย ๆ ละลายก็ได้ไม่ได้แตกต่างกันครับ ร่างกายดูดซึมได้พอ ๆ กัน แต่วิตามินซีแบบละลายช้าปกติจะมีราคาแพงกว่าแบบธรรมดาครับ)
  • วิตามินซีในรูปของสารประกอบต่าง ๆ เลือกทานให้เหมาะกับตัวเอง วิตามินซีที่จำหน่ายทั่วไปมีอยู่หลายรูปแบบที่จะมีการนำ Ascorbic acid ไปผสมกับสารต่าง ๆ เนื่องจากปกติแล้ว Ascorbic acid เพียงตัวเดียวจะเสื่อมสลายง่าย ความคงตัวต่ำ และมีคุณสมบัติเป็นกรดครับ ทานแล้วจะเกิดอาการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร อาจรู้สึกแสบท้อง ปวดท้อง โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้บริษัทผู้ผลิตวิตามินซีจึงได้นำ Ascorbic acid ไปผสมรวมกับสารอื่น ๆ ตามด้านล่างนี้ เพื่อลดความเป็นกรดและให้เกิดความคงตัวของวิตามินซี ซึ่งเราต้องเลือกซื้อให้เหมาะกับตัวเราสุขภาพของเราด้วยครับ (แต่ถ้าคุณไม่ได้มีปัญหาเรื่องสุขภาพใด ๆ จะทานวิตามินซีในรูปไหนก็ได้ครับไม่มีปัญหา)
    • วิตามินซีในรูป Calcium ascorbate ในคนที่ทานแคลเซียมเสริมอยู่แล้วจะต้องคิดแคลเซียมที่ได้รับจากวิตามินซีรูปแบบนี้ด้วย โดยเฉพาะในคนที่มีโรคประจำตัวที่การได้รับแคลเซียมมากเกินจะทำให้เกิดอันตราย ซึ่งโดยปกติแล้ว Calcium ascorbate 1,000 mg. จะให้วิตามินซี (Ascorbic acid) ประมาณ 900 mg. และมีแคลเซียมอยู่ประมาณ 90-111 mg. (อาจแตกต่างกันบ้างตามสูตรของวิตามินซีแต่ละยี่ห้อ)
    • วิตามินซีในรูปแบบ Sodium ascorbate โดยปกติแล้ว Sodium ascorbate 1,000 mg. จะมีโซเดียมอยู่ประมาณ 111 mg. ซึ่งในคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคไตที่จำกัดปริมาณเกลือหรือโซเดียมควรระมัดระวัง เพราะอาจทำให้อาการของโรคแย่ลงได้
    • วิตามินซีในรูป Magnesium ascorbate ในรูปแบบนี้ในคนที่ไวต่อแมกนีเซียมทานแล้วอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียถ่ายบ่อยได้ครับ
    • วิตามินซีในรูป Potassium ascorbate รูปแบบนี้ต้องระมัดระวังในผู้ที่ทานยาขับปัสสาวะที่จะทำให้ระดับโพแทสเซียมในร่างกายสูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ
  • เลือกซื้อวิตามินซีอย่างไรให้ได้ใกล้เคียงวิตามินซีจากผลไม้มากที่สุด ? ก่อนเลือกซื้อวิตามินซีทุกครั้งคุณควรมองหาส่วนประกอบหลัก ๆ 2 อย่างนี้ในอาหารเสริมวิตามินซี เพื่อช่วยให้การดูดซึมของวิตามินซีดีขึ้น (มีบางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อใช้ Ascorbic acid ร่วมกับ Citrus Bioflavonoids จะมีผลให้ทำให้การดูดซึมของ Ascorbic acid เพิ่มขึ้นประมาณ 35% แต่หลาย ๆ การศึกษาก็ยังไม่พบว่าให้ผลไม่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มที่ให้ Ascorbic acid เพียงอย่างเดียวกับกลุ่มที่ให้ Ascorbic acid ร่วมกับ Bioflavonoids แต่ยังไงมีผสมไว้ก็ดีกว่าไม่มีแน่นอนครับ) คือ
    • ไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) สารในกลุ่มนี้ที่เราเจอบ่อย ๆ ในฉลากของวิตามินซีก็เช่น Hesperidin, Rutin และ Quercetin โดยมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้วิตามินซีออกฤทธิ์ต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และช่วยให้วิตามินซีดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น
    • โรสฮิป (Rose hip) เป็นสารที่ปกติจะให้วิตามินซีอยู่แล้ว และเมื่อนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของวิตามินซีในอาหารเสริมก็ยังช่วยให้วิตามินซีดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้นด้วย
  • เลือกซื้อวิตามินซีสูตรไหนดีทานแล้วคุ้มค่าที่สุด ? อย่างที่บอกไปแล้วครับว่าวิตามินซีไม่ได้ทำงานเดี่ยว ๆ จะต้องทำงานร่วมกับสารตัวอื่น ๆ ด้วยจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด และวิตามินซีต้องระบุรูปของสารประกอบชัดเจน ดังนั้นเวลาซื้อวิตามินซีครั้งถัดไป นี่คือตัวอย่างของวิตามินซีที่คุณควรซื้อและไม่ควรเลือกซื้อครับ
คู่มือการเลือกซื้อวิตามินซี
IMAGE SOURCE : Medthai.com

วิธีรับประทานวิตามินซี

  • ต้องรับประทานวิตามินซีเสริมอาหารหรือไม่ ? ส่วนใหญ่เราได้รับวิตามินซีจากอาหารในแต่ละวันไม่เพียงพออยู่แล้ว จึงอยากแนะนำให้ทานทั้งคู่ร่วมกับอาหารปกติครับ
  • ต้องทานวิตามินซีอย่างน้อยวันละเท่าไหร่ ? ถ้าจะทานวิตามินซีเพื่อเสริมสุขภาพก็ทานวันละ 500 mg. ได้ครับ แต่ในปริมาณนี้อาจไม่เพียงพอกับสภาพบ้านเราในปัจจุบันนัก เพราะบ้านเราเกือบทั้งปีจะเต็มไปด้วยปัญหาของฝุ่นควันเยอะ ความสะอาดน้อย เชื้อโรคมาก (โดยเฉพาะเชื้อ COVID-19 ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในช่วงนี้) และอัตราการเป็นโรคติดต่อทางลมหายใจก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน จึงแนะนำให้เพิ่มขนาดการทานวิตามินซีเป็นวันละ 1,000 mg. ครับ
  • ทานวิตามินซีวันละเท่าไหร่ดีที่สุด ? มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับปริมาณวิตามินซีที่อยู่ในพลาสมาหรือเลือดแล้วพบว่า ถ้าเราทานวิตามินซีวันละ 500 mg. ระดับวิตามินซีในร่างกายจะอยู่ที่ประมาณ 70 ไมโครโมล, ถ้าทานวันละ 1,000 mg. จะอยู่ที่ประมาณ 75 ไมโครโมล และถ้าทานวันละ 2,000 mg. จะอยู่ที่ประมาณ 78 ไมโครโมล ตามลำดับ จะเห็นได้ว่า การทานวิตามินซีขนาด 500, 1,000 และ 2,000 mg. แทบให้ผลต่างกันไม่มากนัก และดูแล้วการทานขนาดวันละ 500 mg. น่าจะคุ้มค่าและประหยัดเงินที่สุด
    • แต่ขนาดที่ดีที่สุดและเหมาะกับสถานการณ์ในบ้านเรา ผมอยากแนะนำให้ทานขนาดวันละ 1,000 mg. ครับ เพราะวิตามินซีส่วนใหญ่ที่มีขายจะเป็นขนาดเม็ดละ 1,000 mg., ระหว่างวิตามินซีแบบเม็ดละ 500 กับ 1,000 mg. เมื่อเทียบราคาต่อเม็ดแล้วแทบจะไม่แตกต่างกันหรือแบบ 1,000 อาจถูกกว่า 500 mg. ด้วยซ้ำครับ ก่อนซื้อก็ลองกดเครื่องคิดเลขดูเอาเองนะครับ (เช่น Blackmores 500 mg. ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 8.6 บาท ส่วน Blackmores 1,000 mg. ราคาจะเฉลี่ยเม็ดละ 10 บาท ซึ่งแทบไม่ต่างกัน หรือบางร้านขายถูกอาจเพราะล็อตใกล้หมดอายุก็อาจราคาถูกกว่าก็ได้ คือ เฉลี่ยแค่เม็ดละ 7.3 บาท) ประกอบกับบ้านเรามีปัญหาเรื่องฝุ่นควันอยู่เกือบตลอดทั้งปี และตอนนี้ก็มีไวรัส COVID-19 ระบาดด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเสริมภูมิคุ้มกันให้มากขึ้นครับ
    • สำหรับผู้ที่หวังผลเรื่องผิวขาวกระจ่างใส หรือกังวลกับปัญหาเรื่องไวรัส COVID-19 และอยากเสริมภูมิคุ้มกันให้มากขึ้นก็อาจรับประทานวิตามินซีเสริมเป็นวันละ 2,000 mg. แบ่งทานเช้า-เย็นได้ครับ
  • เลือกทานวิตามินซีเวลาไหนดี ? การทานวิตามินซีหลังอาหารเช้าร่างกายจะได้ประโยชน์สูงสุด ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
    • ในระหว่างวันร่างกายของเราจะมีการทำกิจกรรมหรือทำงานอยู่ตลอดเวลาที่จะมีการสร้างอนุมูลอิสระมากขึ้นเป็นปกติ การทานวิตามินซีในตอนเช้าจึงเกิดประโยชน์มากที่สุดเพราะวิตามินซีมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการต้านอนุมูลอิสระร่วมกับวิตามินอี, โคเอนไซม์คิว 10, กรดแอลฟาไลโปอิก, กลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นกลไกที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
    • ในระหว่างวันเราจะมีการดื่มน้ำเรื่อย ๆ จึงทำให้มีการขับวิตามินซีออกทางปัสสาวะมากกว่าตอนกลางคืนที่ปัสสาวะของเราจะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้นเล็กน้อยที่จะก่อให้เกิดการตกผลึกเป็นนิ่วได้ แต่การทานในตอนเช้าจะช่วยลดหรือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ได้ครับ
    • ไม่แนะนำให้ทานก่อนอาหาร เพราะโดยธรรมชาติแล้ววิตามินซีจะมีความเป็นกรดอ่อน ๆ การทานหลังอาหารจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการข้างเคียงหรือทำให้เกิดอาการแสบท้องได้
  • บางคนที่ทานวิตามินซีและอาหารเสริมหลาย ๆ ชนิด ก็จะมีการแบ่งวิตามินเหล่านั้นเอามาใส่ไว้ในตลับหรือกระปุกใส ๆ หรือใส่ซองรวมกันไว้เหมือนการรับประทานยา แบบนี้ไม่แนะนำครับ เพราะจะทำให้วิตามินซีเสื่อมคุณภาพลงไปมาก

คำแนะนำและข้อควรรู้เกี่ยวกับวิตามินซี

  • เราสามารถทานวิตามินซีได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ จะไม่มีการสะสมอยู่ในร่างกาย ร่างกายจะขับออกทางปัสสาวะตลอด (แตกต่างจากวิตามินที่ละลายในไขมัน คือ วิตามินเอ ดี อี เค ที่จะสะสมอยู่ตามร่างกาย) และจากการศึกษาวิจัยก็พบว่าการทานวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัม ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี ก็ไม่มีพบว่าทำให้เกิดอันตรายต่อผู้รับประทานแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ ผู้รับประทานจะต้องไม่มีโรคไตชนิดต่าง ๆ ด้วยนะครับ เพราะการทานอย่างต่อเนื่องอาจจะทำให้อาการแย่ลงได้ สรุปก็คือในคนที่มีสุขภาพดีและเลือกทานวิตามินซีได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็สามารถทานได้อย่างต่อเนื่องครับ
  • วิตามินซีไม่ใช่ปัจจัยหลักของการทำให้เกิดนิ่วในไตเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย
    • วิตามินซี หรือ Ascorbic acid เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ก่อนที่จะถูกขับออกจะถูกเปลี่ยนเป็นกรดออกซาลิก (Oxalic acid) ซึ่งกรดตัวนี้เมื่อรวมกับแคลเซียมที่จะถูกขับออกทางปัสสาวะ จะเกิดเป็นผลึกแคลเซียมออกซาเลต (Calcium oxalate) ที่อาจทำให้เกิดการอุดตันในระบบทางเดินปัสสาวะหรือเกิดเป็นก้อนนิ่ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกครับที่คนรับประทานวิตามินซีเสริมจะมีโอกาสเกิดนิ่วในไตได้เยอะกว่าคนที่ไม่ทาน แต่การที่คนเราจะเกิดนิ่วต่าง ๆ ในไตได้จะต้องมีองค์ประกอบต่าง ๆ มากกว่าแค่การทานวิตามินซี เพราะสาเหตุของการเกิดนิ่วในไตก็มีหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ผลึกของแคลเซียมออกซาเลตเพียงอย่างเดียว จึงไม่อาจสรุปได้ว่าการทานวิตามินซีจะเป็นสาเหตุหลักของการเกิดนิ่วในไต เพราะปกติแล้วเราจะแนะนำให้ทานวิตามินซีเสริมเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเพียงวันละ 500-1,000 mg. ไม่ใช่ทานเพื่อการรักษาที่ร่างกายจะต้องได้รับวิตามินซีในปริมาณมาก ๆ
  • วิตามินซีช่วยป้องกันหวัดได้แค่บางกรณีและช่วยลดระยะเวลาการป่วยและความรุนแรงของโรคหวัดได้ โดยผู้ที่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นประจำที่รับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นหวัดได้ถึง 50% ส่วนผู้ที่ทานวิตามินซีเป็นประจำเมื่อป่วยเป็นหวัดก็จะช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรคหวัดได้ครับ
  • วิตามินซีทานแล้วช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสได้ เนื่องจากวิตามินซีมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวหรือเมลานิน (โดยลดจำนวนสารโอควิโนนที่ทำให้เปลี่ยนไปเป็นเม็ดสีผิวที่ทำให้ผิวคล้ำลดลง), มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (ช่วยลดสารอนุมูลอิสระที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีการสร้างเม็ดสีผิว) และช่วยปกป้องรังสี UV จากแสงแดดที่ทำให้ผิวคล้ำลงได้ (แต่แนะนำให้ทานคู่กับวิตามินอีเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และที่สำคัญทานแล้วแต่ไม่มีการป้องกัน เช่น ทาครีมกันแดด ก็จะทำให้ผิวคล้ำลงเช่นกันครับ)
    • โดยขนาดที่แนะนำให้รับประทาน คือ วันละ 2,000 mg. แบ่งรับประทานหลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1,000 mg.
    • ถ้าเราอยากเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสีผิวต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 30 วัน หลังจากรับประทานวิตามินซีไปแล้ว เพราะเม็ดสีของคนเราจะมีอายุได้ประมาณ 1 เดือนหรือ 30 วันนั่นเองครับ
    • ทั้งนี้ การที่จะผิวขาวกระจ่างใสขึ้น ก็ยังต้องมีการดูแลผิวด้วยวิธีอย่างอื่นร่วมด้วยในทุก ๆ วันอย่างเหมาะสมด้วยนะครับ เช่น การหลีกเลี่ยงแสงแดด การทาครีมกันแดดเมื่อต้องแดด
    • คำว่าช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นไม่ได้หมายความว่า จากคนผิวดำหรือคล้ำจะกลายมาเป็นผิวขาว แต่จะขาวกระจ่างใสขึ้นได้มากที่สุด คือ ใกล้เคียงกับส่วนที่ขาวที่สุดในร่างกายของเรา เนื่องจากสีผิวมีลักษณะพันธุกรรมที่มียีนเป็นตัวกำกับอยู่นั่นเองครับ

วิตามินซียี่ห้อไหนดี ?

นอกจากส่วนประกอบของวิตามินซีและบรรจุภัณฑ์ที่ดีแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องเลือกถัดมา คือ “ยี่ห้อ” ครับ โดยควรเน้นไปที่ยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ก่อนเป็นหลัก (ด้วยเหตุผลเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยครับ) และอย่างที่สองที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ “ต้องคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่าย” ไปด้วยครับ

ส่วนวิตามินซีนำเข้าหรือของต่างประเทศเท่าที่ทางเราหาข้อมูลมาคุณภาพของสารก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยครับ เพราะวัตถุดิบอย่าง Ascobic acid นั้นหาได้ง่ายและมีราคาถูก อีกทั้งวิตามินซีในบ้านเราบางยี่ห้อก็ได้รับการรับรองจากต่างประเทศ ยิ่งถ้าเป็นคนที่เคยทานทั้งวิตามินซีในไทยและวิตามินซีต่างประเทศมาหลายยี่ห้อเป็นประจำอยู่แล้วก็จะรู้เลยครับว่ามันไม่ต่างกัน ดังนั้น ในบทความนี้เราจึงเลือกซื้อเฉพาะวิตามินซีที่มีขายและหาซื้อได้ง่ายในไทยครับ โดยเลือกมาเฉพาะยี่ห้อที่เป็นที่นิยม คือ ยอดขายดี มีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมาก

ส่วนการให้คะแนนในการจัดอันดับนั้น หลัก ๆ เราจะอ้างอิงจากความน่าเชื่อถือของแบรนด์ (พิจารณาจากข้อมูลในเว็บไซต์ของผู้ผลิต มาตรฐานการผลิต การรับรองต่าง ๆ ฯลฯ), ปริมาณของสารสำคัญ, ลักษณะบรรจุภัณฑ์ รวมถึงราคาเฉลี่ยต่อเม็ดครับ*

เปรียบเทียบวิตามินซีแต่ละยี่ห้อ
IMAGE SOURCE : Medthai.com

หมายเหตุ : วิตามินซีทั้งหมดที่นำมารีวิวนี้ ทางเราซื้อมาจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ Shopee ทั้งหมด โดยพยายามเลือกเฉพาะขนาดที่เล็กสุดและเลือกร้านที่ถูกหรือราคาอยู่ในระดับกลาง ๆ และมีรีวิวคนซื้อเยอะ ๆ ครับ

NAT C
NAT C
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 1 แนท-ซี (NAT-C) วิตามินซีที่ผลิตในไทยโดยบริษัท MEGA We care ซึ่งไว้ใจได้ในเรื่องของคุณภาพและมาตรฐานการผลิต เพราะเมก้าเป็นโรงงานผลิตยาแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่ผ่านการรับมาตรฐานการผลิต (GMP) ระดับสากลถึง 2 สถาบัน คือ TGA จากประเทศออสเตรเลีย และ BfArM จากประเทศเยอรมัน

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 9.5/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 10/10 คะแนน
    • Total Vitamin C : 1000 mg.
      • From Ascorbic Acid : 400 mg.
      • Sodium Ascorbate : 350 mg.
      • Calsium Ascorbate : 400 mg.
    • Citrus Bioflavonoids Extract : 50 mg.
    • Hesperidin : 50 mg.
    • Rutin : 50 mg.
    • Rose Hips Extract : 62.5 mg.
    • Acerola Extract : 12.5 mg.
  • ขวดบรรจุภัณฑ์ : 9.5/10 คะแนน
    • ลักษณะขวด : ขวดพลาสติกทึบแสง / หุ้มซีลพลาสติก
    • ฝาขวด : แบบเกลียวหมุน (รู้สึกปิดได้แน่นสนิทมากที่สุด)
    • ซีลปากขวด : มี (ซีลมาได้แน่นสนิทมาก / แกะยาก)
  • ความคุ้มค่า : 7.5/10 คะแนน
    • ราคาต่อเม็ด : 7.63 บาท (กระปุก 30 เม็ดราคา 229 บาท)

คะแนนรวม : 36.5/40 คะแนน

NOW Foods C-1000
NOW Foods C-1000
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 2 นาวฟู้ดส์ (Now Foods) วิตามินซีผสม Rose Hips นำเข้าจากประเทศอเมริกา ผลิตโดยบริษัท NOW FOODS เป็นสูตรปลดปล่อยยาอย่างช้า ๆ (Sustained release) แต่อย่างที่บอกไปครับว่า การทานวิตามินซีรูปแบบปกติกับรูปแบบค่อย ๆ ปล่อยสาร จากการศึกษาพบว่า ระดับวิตามินซีในเลือดไม่ได้แตกต่างกัน

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 9.5/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 8/10 คะแนน
    • Vitamin C (as Ascorbic Acid) : 1000 mg.
    • Rose Hips Powder: 25 mg.
  • ขวดบรรจุภัณฑ์ : 8.5/10 คะแนน
    • ลักษณะขวด : ขวดพลาสติกทึบแสง / ไม่หุ้มซีลพลาสติก
    • ฝาขวด : ฝาเปิดปิดแบบสุญญากาศ (รู้สึกปิดได้ไม่ค่อยแน่นสนิท)
    • ซีลปากขวด : มี (ซีลมาได้แน่นสนิท / แกะง่าย)
  • ความคุ้มค่า : 9.5/10 คะแนน
    • ราคาต่อเม็ด : 5.9 บาท (กระปุก 100 เม็ดราคา 590 บาท)

คะแนนรวม : 35.5/40 คะแนน

VISTRA Acerola Cherry 1000mg
VISTRA Acerola Cherry 1000mg
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 3 วิสทร้า (VISTRA) อีกหนึ่งแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมให้เลือกมากมาย วิสทร้ามีจุดเด่นในเรื่องของราคาที่ย่อมเยาและมีคุณภาพ เนื่องจากผลิตในไทย ส่วนสินค้าตัวนี้จุดเด่นก็อยู่ตรงที่มี Acerola Cherry 1,000 mg. ที่ดูดซึมได้ดีและมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ให้ประโยชน์เรื่องผิวพรรณมากกว่าวิตามินซียี่ห้ออื่น ๆ

แต่เนื่องจากเป็นอาหารเสริมไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นยาเหมือนของ NAT C และ BLACKMORES ใน Acerola Cherry 1,000 mg. จึงมีวิตามินซีจริง ๆ อยู่ไม่ถึง 60 mg. (Acerola Cherry 1,000 mg. ไม่ได้มีวิตามินซี 1,000 mg. ตามที่เข้าใจกัน แต่ขึ้นอยู่กับว่ามีเปอร์เซ็นต์ของวิตามินซีอยู่เท่าไหร่ เช่น Acerola Cherry 1,000 mg. อาจมีวิตามินซี 5% ก็เท่ากับ 50 mg. แต่ยังไงก็มีไม่เกิน 60 mg. เพราะตามกฎหมายแล้วอาหารเสริมห้ามใส่วิตามินซีเกิน 60 mg.)

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 9/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 7/10 คะแนน
    • Acerola Cherry Extract : 1000 mg. (Vitamin C ไม่เกิน 60 mg.)
    • Citrus Bioflavonoids : 80 mg.
    • Pomegranate Extract : 60 mg.
    • Grape Seed Extract : 40 mg.
  • ขวดบรรจุภัณฑ์ : 9/10 คะแนน
    • ลักษณะขวด : ขวดแก้วสีชาไม่ทึบแสง / หุ้มซีลพลาสติก
    • ฝาขวด : แบบเกลียวหมุน (รู้สึกปิดได้แน่นสนิทมาก)
    • ซีลปากขวด : มี (ซีลมาได้แน่นสนิท / แกะง่าย)
  • ความคุ้มค่า : 9.5/10 คะแนน
    • ราคาต่อเม็ด : 5.76 บาท (กระปุก 45 เม็ดราคา 259 บาท)

คะแนนรวม : 34.5/40 คะแนน

BLACKMORES BIO C 1000mg
BLACKMORES BIO C 1000mg
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 4 แบลคมอร์ส (BLACKMORES) วิตามินซีสัญชาติออสเตรเลียที่จัดได้ว่าน่าเชื่อถือที่สุด ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานมากในบ้านเรา เพราะเป็นยี่ห้อแรก ๆ ที่เข้ามาเปิดตลาดอาหารเสริมในไทย โดดเด่นในเรื่องของการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ผลิตตามข้อกำหนดและมาตรฐานระดับสากลที่ควบคุมโดยประเทศออสเตรเลีย เป็นวิตามินซีที่นำเข้ามาทั้งขวดไม่ได้ผลิตในบ้านเราจึงทำให้มีราคาแพงกว่าปกติ

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 10/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 10/10 คะแนน
    • Vitamin C : 1000 mg.
      • From Ascorbic Acid : 400 mg.
      • Sodium Ascorbate : 350 mg.
      • Calcium Ascorbate : 400 mg.
    • Bioflavonoids : 25 mg.
    • Hesperidin : 50 mg
    • Rutin : 50 mg.
    • Rose Hips Extract : 250 mg.
    • Acerola Extract : 50 mg.
  • ขวดบรรจุภัณฑ์ : 8/10 คะแนน
    • ลักษณะขวด : ขวดแก้วสีชาไม่ทึบแสง / หุ้มซีลพลาสติก (หุ้มเฉพาะตัวขวดแต่ไม่หุ้มปากขวด)
    • ฝาขวด : ฝาเปิดปิดแบบสุญญากาศ (รู้สึกปิดได้แน่นสนิทปานกลาง)
    • ซีลปากขวด : ไม่มี
  • ความคุ้มค่า : 5.5/10 คะแนน
    • ราคาต่อเม็ด : 9.65 บาท (กระปุก 31 เม็ดราคา 299 บาท)

คะแนนรวม : 33.5/40 คะแนน

Thompson C 1000 mg
Thompson C 1000 mg
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 5 ทอมป์สัน (Thompson) วิตามินซีสูตร Time-Release ออกฤทธิ์นานที่มาพร้อม Bioflavonoids และ Rose Hips ผลิตที่ประเทศอเมริกาโดยบริษัท NutraPure

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 7/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 7.5/10
    • คะแนน Vitamin C : 1000 mg. (ไม่ระบุรูปแบบของวิตามินซี)
    • Bioflavonoids : 10 mg.
    • Hesperidin : 10 mg.
    • Rutin : 10 mg.
    • Rose Hips : 20 mg.
  • ขวดบรรจุภัณฑ์ : 8.5/10 คะแนน
    • ลักษณะขวด : ขวดพลาสติกไม่ทึบแสง / หุ้มซีลพลาสติก
    • ฝาขวด : แบบเกลียวหมุน (รู้สึกปิดได้แน่นสนิทปานกลาง)
    • ซีลปากขวด : มี (ซีลมาได้ไม่ค่อยแน่นสนิท / แกะง่าย)
  • ความคุ้มค่า : 9.5/10 คะแนน
    • ราคาต่อเม็ด : 5.97 บาท (กระปุก 30 เม็ดราคา 179 บาท)

คะแนนรวม : 32.5/40 คะแนน

NAT-C ESTER
NAT-C ESTER
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 6 แนท-ซี เอสเตอร์ (NAT-C ESTER) วิตามินซีอีกตัวของ MEGA We care แบบซองเป็นผง ๆ สำหรับชงกับน้ำดื่ม ให้รสส้มซ่า ๆ กลิ่นหอม ไม่มีความเป็นกรด ไม่ระคายเคืองกระเพาะ ไม่มีแคลอรี่ ผสมกับน้ำเย็นดื่มแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นดี ก็เป็นอีกทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาระคายเคืองกระเพาะอาหาร, ผู้สูงอายุ, เด็ก และผู้ที่ไม่ชอบทานวิตามินซีแบบเป็นเม็ด ๆ ครับ เพราะได้ประโยชน์พอ ๆ กัน

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 9.5/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 9/10 คะแนน
    • Vitamin C (as Calcium Ascorbate) : 1000 mg.
    • Lemon Bioflavonoid Complex : 71.45 mg.
    • Wild Rose Hips : 25 mg.
  • บรรจุภัณฑ์ : 10/10 คะแนน
    • ลักษณะซอง : ซองทึบแบบแยก 30 ซอง ในกล่องกระดาษ
  • ความคุ้มค่า : 4/10 คะแนน
    • ราคาต่อซอง : 15 บาท (กล่อง 30 ซองราคา 450 บาท)

คะแนนรวม : 32.5/40 คะแนน

ACORBIC C-1000mg.
ACORBIC C-1000mg.
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 7 อคอร์บิค (ACORBIC) วิตามินซีราคาถูกนำเข้าจากอเมริกาที่มาพร้อม Bioflavonoids และ Rose Hips ผลิตโดยบริษัท Acorbic Nutrition ประเทศอเมริกา

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 7.5/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 7.5/10 คะแนน
    • Vitamin C : 1000 mg. (ไม่ระบุรูปแบบของวิตามินซี)
    • Citrus Bioflavonoids : 80 mg.
    • Wild Rose Hips : 25 mg.
  • ขวดบรรจุภัณฑ์ : 7/10 คะแนน
    • ลักษณะขวด : ขวดพลาสติกไม่ทึบแสง / หุ้มซีลพลาสติ
    • ฝาขวด : ฝาเปิดปิดแบบสุญญากาศ (รู้สึกปิดได้ไม่ค่อยแน่นสนิท)
    • ซีลปากขวด : ไม่มี / ยางซีลรอบขวดแกะได้ยาก
  • ความคุ้มค่า : 10/10 คะแนน
    • ราคาต่อเม็ด : 5.33 บาท (กระปุก 30 เม็ดราคา 160 บาท)

คะแนนรวม : 32/40 คะแนน

Puritan’s Pride. C-TIME 1000
Puritan’s Pride. C-TIME 1000
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 8 พูริแทน ไพรด์ (Puritan’s Pride.) วิตามินซีสูตร Time-Release ออกฤทธิ์นานที่มาพร้อม Bioflavonoids และ Rose Hips ผลิตที่ประเทศอเมริกาโดยบริษัท PURITAN’S PRIDE

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 9/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 7/10 คะแนน
    • Vitamin C : 1000 mg. (ไม่ระบุรูปแบบของวิตามินซี)
    • Citrus Bioflavonoids : 25 mg.
    • Wild Rose Hips : 25 mg.
  • ขวดบรรจุภัณฑ์ : 8/10 คะแนน
    • ลักษณะขวด : ขวดพลาสติกไม่ทึบแสง / หุ้มซีลพลาสติก
    • ฝาขวด : ฝาเปิดปิดธรรมดา (รู้สึกปิดได้ไม่ค่อยแน่นสนิท)
    • ซีลปากขวด : มี (ซีลมาได้แน่นสนิท / แกะง่าย)
  • ความคุ้มค่า : 6.5/10 คะแนน
    • ราคาต่อเม็ด : 8.33 บาท (กระปุก 60 เม็ดราคา 500 บาท)

คะแนนรวม : 30.5/40 คะแนน

DHC Vitamin C 1000
DHC Vitamin C 1000
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 9 ดีเอชซี (DHC) วิตามินซีจากญี่ปุ่นแบบแบ่งทานเช้าเย็น โดยวิตามินซี 2 เม็ดจะมีปริมาณวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม และมีวิตามินบี 2 เสริมมาอีก 2 มิลลิกรัม

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 9/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 7/10 คะแนน
    • Vitamin C : 1000 mg. (เมื่อรับประทานวันละ 2 เม็ด) (ไม่ระบุรูปแบบของวิตามินซี)
    • Vitamin B2 : 2 mg. (เมื่อรับประทานวันละ 2 เม็ด)
  • บรรจุภัณฑ์ : 5/10 คะแนน
    • ลักษณะซอง : ซองทึบแบบมีซิปรูด (ซองกันอากาศได้ไม่สนิทมากนัก)
  • ความคุ้มค่า : 8.5/10 คะแนน
    • ราคาต่อ 2 เม็ด : 6.5 บาท (ซอง 60 เม็ด 30 วัน ราคา 195 บาท)

คะแนนรวม : 29.5/40 คะแนน

C-FORCE Vitamin C 1000 mg
C-FORCE Vitamin C 1000 mg
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 10 ซี-ฟอร์ซ (C-FORCE) วิตามินซีสูตรออกฤทธิ์นาน (Buffered) เพราะเม็ดยาจะค่อย ๆ ละลาย ผลิตที่ไทยโดยบริษัท SEVEN STARS PHAMACEUTICAL ส่วนวัตถุดิบนำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 6/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 7/10 คะแนน
    • Vitamin C (as Ascorbic Acid) : 524 mg.
    • Vitamin C (as Sodium Ascorbate) : 476 mg.
  • ขวดบรรจุภัณฑ์ : 7/10 คะแนน
    • ลักษณะขวด : ขวดแก้วสีชาไม่ทึบแสง / หุ้มซีลพลาสติก / ขวดบรรจุในกล่องกระดาษ
    • ฝาขวด : ฝาเปิดปิดแบบสุญญากาศ (รู้สึกปิดได้ไม่ค่อยแน่นสนิท)
    • ซีลปากขวด : ไม่มี / ยางซีลรอบขวดตอนเปิดขวดใหม่ขาดง่าย
  • ความคุ้มค่า : 7.5/10 คะแนน
    • ราคาต่อเม็ด : 7.67 บาท (กระปุก 30 เม็ดราคา 230 บาท)

คะแนนรวม : 27.5/40 คะแนน

LYNAE Vitamin C 1000 mg
LYNAE Vitamin C 1000 mg
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 11 ไลเน่ (LYNAE) วิตามินซีสูตร Time-Release ออกฤทธิ์นานที่มาพร้อม Lemon Bioflavonoids ถึง 100 มิลลิกรัม ผลิตที่ประเทศอเมริกาโดยบริษัท Stason Pharmaceuticals. นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท วี.เอ็ม.เนเจอร์ส พลัส จำกัด

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 7/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 7/10 คะแนน
    • Vitamin C (as Ascorbic Acid) : 1000 mg.
    • Lemon Bioflavonoids : 100 mg.
  • ขวดบรรจุภัณฑ์ : 8.5/10 คะแนน
    • ลักษณะขวด : ขวดพลาสติกทึบแสง / หุ้มซีลพลาสติก
    • ฝาขวด : แบบเกลียวหมุน (รู้สึกปิดได้แน่นสนิทปานกลาง)
    • ซีลปากขวด : มี (ซีลปากขวดไม่ได้มาตรฐาน / ซีลมาไม่สนิท)
  • ความคุ้มค่า : 4.5/10 คะแนน
    • ราคาต่อเม็ด : 13.77 บาท (กระปุก 30 เม็ดราคา 413 บาท)

คะแนนรวม : 27/40 คะแนน

Pure Vita C-TIME 1000
Pure Vita C-TIME 1000
IMAGE SOURCE : Medthai.com

อันดับ 12 เพียว ไวต้า (Pure Vita) วิตามินซีสูตร Time-Release ออกฤทธิ์นานที่ระบุว่านำเข้าจากประเทศแคนาดา แต่ในฉลากไม่ระบุแหล่งผลิต ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ครับ

  • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ : 4/10 คะแนน
  • ปริมาณสารสำคัญ : 7/10 คะแนน
    • Vitamin C : 1000 mg. (ไม่ระบุรูปแบบของวิตามินซี)
    • Citrus Bioflavonoids : 25 mg.
    • Wild Rose Hips : 25 mg.
  • ขวดบรรจุภัณฑ์ : 7/10 คะแนน
    • ลักษณะขวด : ขวดพลาสติกไม่ทึบแสง / หุ้มซีลพลาสติก
    • ฝาขวด : ฝาเปิดปิดธรรมดา (รู้สึกปิดได้ไม่ค่อยแน่นสนิท)
    • ซีลปากขวด : มี (ซีลปากขวดไม่ได้มาตรฐาน)
  • ความคุ้มค่า : 8.5/10 คะแนน
    • ราคาต่อเม็ด : 6.63 บาท (กระปุก 30 เม็ดราคา 199 บาท)

คะแนนรวม : 26.5/40 คะแนน

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)