เกษตรกรบ้านเรา รู้จักใช้สารสะเดากำจัดศัตรูพืชแทนสารเคมี แต่ในทางปฏิบัติกลับล้มเหลว เกษตรกรไม่นิยม เพราะกำจัดศัตรูพืชไม่ได้ยาวนาน หนอนแมลงไม่ตาย
เพื่อความชัดเจน รศ.ดร.อัญชลี สงวนพงษ์ ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับสารสกัดจากสะเดาเพื่อกำจัดศัตรูพืช มาเป็นระยะเวลานาน พบว่าตัวการที่ทำให้สารสะเดาใช้ไม่ได้ผล เนื่องจากสารที่สกัดออกมาจำหน่ายให้เกษตรกรไปใช้ส่วนใหญ่เป็นสารที่ได้จากการหมัก
สารในสะเดาจึงออกมาน้อย ความเข้มข้นไม่พอ การกำจัดจึงไม่ได้ผล
อีกเหตุผล เกษตรกรฉีดพ่นยาไม่ถูกกาลเทศะ
ไม่ฉีดพ่นในตอนเย็น เพราะเป็นช่วงเวลาดีที่สุด ไม่มีแดดมาเผาให้สภาพเสื่อมถอย แล้วยังเป็นช่วงที่แมลงออกมากัดกินพืชอีก ฉีดพ่นทีเดียวกำจัดได้ยกโขยง
และอีกปัญหาเกษตรกรฉีดพ่นสะเปะสะปะ
ไม่รู้ว่า สารสะเดานั้นกำจัดได้เฉพาะหนอนแมลงวัยอ่อนที่เพิ่งออกมาจากไข่ ถ้าเป็นหนอนตัวแก่กลายเป็นแมลงออกปีกบินไปไหนต่อไหนได้ ฉีดไปไม่ได้ประโยชน์ กำจัดไม่ได้ผล
“สะเดามีฤทธิ์กำจัดหนอนแมลงได้ เพราะมีสารอะซาไดแรกติน (Azadirachtin) ซึ่งออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบต่อมไร้ท่อ หรือระบบฮอร์โมนของหนอนแมลง เมื่อเข้าไปแล้วจะยับยั้งการกินอาหารของแมลง ทำให้แมลงศัตรูพืชกินอะไรไม่ได้ กินไม่ลง ในที่สุดก็จะอดตาย และสารตัวนี้มีมากที่สุดในเมล็ดสะเดา ซึ่งการหมักโดยทั่วไป มักจะนำใบมาหมักเป็นหลัก มันเลยมีปริมาณสารออกฤทธิ์ไม่มากพอ เลยฆ่าหนอนแมลงไม่ค่อยได้”
รศ.ดร.อัญชลี บอกว่า จากการนำเมล็ดมาสกัด โดยใช้เครื่องสกัดให้ได้สารอะซาไดแรกตินเข้มข้นสูง มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ “นีมพาวเวอร์” และนำไปผสมน้ำให้เกษตรกรทดลองใช้ในแปลงนาข้าว สวนผลไม้ เป็นระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี โดยการพ่น 10 กว่าครั้งต่อปี…ฉีดพ่นแบบถูกเวลาในตอนเย็นและถูกระยะตัวหนอนวัยอ่อนกำลังออกจากไข่มาอาละวาด
ปรากฏว่า สามารถกำจัด หนอนชอนใบ, หนอนกระทู้, หนอนหลอดหอม, หนอนใยผัก, หนอนม้วนใบ, หนอนบุ้ง, หนอนแก้วส้ม, หนอนหัวกะโหลก, เพลี้ยอ่อน และ เพลี้ยไก่แจ้ ได้แบบไม่มีปัญหา เหมือนที่เกษตรกรตำหนิ ใช้สารสะเดามักจะไม่ได้ผล.