ข้อควรระวังกับสารกำจัดวัชพืช(ยาฆ่าหญ้า) ตอนที่ 1

ทู โฟ – ดี

(2,4-D)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  phenoxy  ประเภทดูดซึม  ออกฤทธิ์กำจัดวัชพืชใบกว้างภายหลังงอกทั้งประเภทล้มลุกและยืนต้น

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (oral  LD  50)  375  มก./กก.  ทางผิวหนังมากกว่า  1,600  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    ผักปอด  ผักตบชวา  ตาลปัตรยายชี  พังพวย  ผักบุ้ง  ผักโขม  โทงเทง ผักเบี้ยหมู  ผักเบี้ยหิน  หญ้ายาง  ต้นไม้กวาด  กก  กกขนาก  แห้วหมู  เทียนนา โสน  สะอึก  และวัชพืชใบกว้างอื่น ๆ

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในนาข้าว  ไร่ข้าวโพด  ข้าวฟ่าง  อ้อย  หน่อไม้ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่  สนามหญ้าและบริเวณที่ไม่ได้ทำการเกษตร

สูตรผสม                                 2,4-ดี  มีสูตรผสมหลายอย่าง  คือ

– ชนิด  sodium  และ  ammonium  salts  ปกติจะอยู่ในรูปผงละลายน้ำ  (WP)  มีความเข้มข้น  80-95%

– ชนิด  amine  salts  มีความเข้มข้น  72%  อีซี

– ชนิด  highly  volatile  esters  (Methyl , Ethyl , Butyl , Isopropyl)  มีความเข้มข้น  72%  อีซี

– ชนิด  Low  volatile  esters  (Butoxy  ethanol , propylene glycol , Butoxy  propyl)

อัตราใช้และวิธีใช้                  2,4-ดี  Na  Salt  ใช้อัตรา  30-40  กรัม  ผสมกับน้ำ  20  ลิตร  ชนิด amine  salt  และ  high  volatile  esters  ใช้อัตรา  30-60  ซีซี  ผสมกับน้ำ  20 ลิตร  ฉีดพ่นที่ใบวัชพืชให้ทั่วบริเวณที่ต้องการกำจัดวัชพืช  ควรศึกษารายละเอียดจากฉลากเพิ่มเติมก่อนใช้

อาการเกิดพิษ                          ผู้ได้รับพิษจะมีอาการ  ปวดศีรษะ  เหงื่อออกมาก  อ่อนเพลีย คลื่นไส้  อาเจียน  ปวดท้อง  ท้องเสีย  เบื่ออาหาร  ตาพร่า  พูดไม่ชัด  น้ำลายออกมาก  กล้ามเนื้อกระตุก  ปฏิกิริยาโต้ตอบต่อสิ่งกระตุ้นต่ำ  กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ กล้ามเนื้อเปลี้ย  ต่อมาอาจชัก  หมดสติและตายเนื่องจากหัวใจและระบบเลือดล้มเหลว

การแก้พิษ                               ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่จำนวนมาก ๆ  ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำจำนวนมาก ๆ  ถ้าเข้าปากหรือมีอาการเกิดพิษรุนแรงให้รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์  สำหรับแพทย์  รักษาตามอาการ  ให้คนไข้กินถ่านยาแอ็คติเวทเต็ด  ซาร์โคล  แล้วล้างท้องด้วย  ไอโซโทนิค  ซาลีน  หรือ  โซเดียม  ไบคาร์โบเนท  5% ควบคุมการเต้นของหัวใจ

ข้อควรรู้                                  – ห้ามใช้กับฝ้าย  มะเขือเทศ  องุ่น  ไม้ผลและไม้ประดับ

– อย่าฉีดพ่นใกล้ต้นพืชที่ปลูก

– ในดินที่มี  2,4-ดี  มากเกินไป  จะทำให้เมล็ดหยุดงอกและหยุดการเจริญเติบโตชั่วคราว

– ก่อนที่จะใช้เครื่องมือฉีดพ่น  2,4-ดี  ไปใช้ฉีดพ่นสารกำจัดวัชพืชอย่างอื่น  ควรล้างทำความสะอาดอย่างละเอียดก่อนนำไปใช้

– ใช้ผสมฉีดพ่นร่วมกับปุ๋ยได้

อะเซ็ทโตคลอร์

(acetochlor)

การออกฤทธิ์                          เป็นสาร  acetoalinide  ที่ใช้กำจัดวัชพืชก่อนงอก  (pre emergence)  และเจาะจงพืช  (selective)

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  2,953  มก./กก.  อาจทำให้ดวงตาเกิดอาการระคายเคือง

วัชพืชที่กำจัดได้                    หญ้าและวัชพืชใบแคบเกือบทุกชนิด

พืชที่ใช้                                   ข้าวโพด  ถั่วเหลือง  ถั่วลิสง  และข้าวฟ่าง

สูตรผสม                                 50%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ตามคำแนะนำบนฉลาก  สามารถใช้กำจัดวัชพืชก่อนงอก  คลุกดินก่อนปลูกหรือกำจัดวัชพืชเริ่มงอกก็ได้

ข้อควรรู้                                  – ส่วนใหญ่จะถูกดูดซึมเข้าทางหน่อที่เริ่มงอก

– ออกฤทธิ์ได้ดีกับดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูง

– ประสิทธิภาพในการกำจัดวัชพืชอยู่ได้นาน  8-12  สัปดาห์

– ผสมใช้ร่วมกับสารกำจัดวัชพืชอื่น ๆ  หรือปุ๋ยน้ำได้

 

อะซิฟลูออร์เฟน – โซเดียม

(acifluorfen – sodium)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  diphenyl  ether  ประเภทเจาะจงพืช  ใช้กำจัดวัชพืชได้ทั้งก่อนงอก  และภายหลังงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  1,370  มก./กก.  ทางผิวหนัง มากกว่า  2,000  มก./กก.  ทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคือง

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชใบกว้างและหญ้าบางชนิด

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในไร่ถั่วลิสง  ถั่วเหลือง  ฝ้าย  มะเขือเทศ  ในนาข้าวและข้าวสาลี

สูตรผสม                                 21.4%  เอสแอล

อัตราใช้และวิธีใช้                  ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก

การแก้พิษ                               ยาแก้พิษโดยเฉพาะยังไม่เป็นที่ทราบกัน  รักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – แสงแดดจัดจะช่วยให้สารเคมีนี้มีฤทธิ์เพิ่มขึ้น

– ห้ามผสมกับน้ำมัน  surfactant  ปุ๋ยน้ำและสารกำจัดศัตรูพืชอย่างอื่น

– ประสิทธิภาพจะลดลง  ถ้าฝนตกภายหลังจากใช้  6  ชั่วโมง

– ใช้กำจัดวัชพืชภายหลังงอกจะให้ผลดีมากกว่า

– กำจัดวัชพืชใบกว้างได้ดีกว่าหญ้าหรือวัชพืชใบแคบ

– ใช้กับพืชที่แนะนำได้ทุกระยะการเจริญเติบโต

– วัชพืชจะตายภายใน  3-5  วันภายหลังจากใช้

 

อะลาคลอร์

(alachlor)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  anilide  ที่ใช้ทางดินและเป็น  protein synthesis  inhibitor  ซึ่งให้ผลในทางควบคุมเมล็ดพืชมิให้งอก  (pre emergence)

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  1,800  มก./กก.  ทางผิวหนัง 13,300  มก./กก.  ทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคือง

วัชพืชที่กำจัดได้                    ใช้ควบคุมมิให้เมล็ดพืชงอก  เช่น  หญ้าขน  หญ้าตีนนก  หญ้าปากควาย  หญ้าปล้อง  หญ้าข้าวนก  หญ้าตีนไก่  หญ้ากุศลา  หญ้าหางหมา  ผักโขม ผักโขมหวาน  หญ้าชันอากาศ  วัชพืชใบแคบและใบกว้างอื่น ๆ

พืชที่ใช้                                   ข้าวโพด  อ้อย  มันสำปะหลัง  ถั่วเหลือง  ถั่วเขียว  ถั่วลิสง  หอม กระเทียม  ผักตระกูลกะหล่ำ  มะเขือเทศ  และพริก

สูตรผสม                                 45.1%  และ  48%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราแตกต่างกันออกไปตามชนิดของดินทั่ว ๆ ไปใช้อัตราระหว่าง 500-1,000  ซีซี  ผสมกับน้ำ  60-80  ลิตร  ฉีดพ่นคลุมดิน

อาการเกิดพิษ                          หากถูกบริเวณผิวหนัง  อาจทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง  ถ้าเข้าตาทำให้ดวงตาระคายเคือง  ถ้ากินเข้าไป  ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และท้องเสีย

การแก้พิษ                               ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนัง  ให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่จำนวนมาก ๆ  ถ้าเข้าตา  ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดนานประมาณ  15  นาที  ถ้ากินเข้าไป  อย่าทำให้อาเจียน  ให้คนไข้รับประทานยาแอ็คติเวทเต็ด  ซาร์โคล  2-4  ช้อนโต๊ะ  ละลายกับน้ำ  1  แก้ว แล้วนำผู้ป่วยส่งแพทย์  รักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – ให้ใช้ก่อนวัชพืชงอกหรือก่อนพืชที่ปลูกงอก

– ภายหลังการฉีดพ่น  ถ้ามีฝนตกลงมาภายใน  10  วัน  จะให้ผลดีมาก

– ใช้ผสมฉีดพ่นร่วมกับสารกำจัดวัชพืชอื่น ๆ ได้เป็นจำนวนมาก  รวมทั้งปุ๋ย

– คงตัวอยู่ในดินได้นาน  6-10  สัปดาห์

– อย่าใช้กับดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูงกว่า  10%

 

อะมีทรีน

(ametryn)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  triazine  ประเภทเจาะจง  กำจัดวัชพืชได้ทั้งก่อนงอก  และภายหลังจากงอกแล้ว

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  1,110  มก./กก.  ทางผิวหนัง  มากกว่า 8,160  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    หญ้าตีนนก  หญ้าขน  หญ้าตีนกา  หญ้ากุศลา  หญ้าชันอากาศ  หญ้าหางหมา  ผักโขม  ผักโขมหวาน

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในไร่อ้อย  ส้ม  สัปปะรด  กล้วย  ชา  กาแฟ  มันฝรั่ง

สูตรผสม                                 80%  ดับบลิวพี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราแตกต่างกันออกไปตามชนิดพืช  อยู่ในช่วงระหว่าง  320-640 กรัม/ไร่  ผสมกับน้ำ  กวนให้เข้ากันดีแล้วฉีดพ่นคลุมหน้าดินให้ทั่วพื้นที่เพาะปลูก ศึกษารายละเอียดวิธีการใช้เพิ่มเติมจากฉลาก

อาการเกิดพิษ                          อาจทำให้ผิวหนัง  ดวงตาและเยื่อบุต่าง ๆ  เกิดอาการระคายเคือง หากกินเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้  อาเจียน  ท้องเสีย  เคลื่อนไหวไม่เป็นปกติ  เนื่องจากกล้ามเนื้อทำงานไม่สัมพันธ์กัน  หายใจขัดและอาจชักได้

การแก้พิษ                               ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนัง  ให้ล้างออกด้วยสบู่กับน้ำ  ถ้าเข้าตา  ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดจำนวนมาก ๆ  เป็นเวลา  10  นาที  ถ้ากลืนกินเข้าไป  รีบทำให้คนไข้อาเจียนด้วยการใช้นิ้วล้วงคอหรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่นหรือให้ยา  syrup  of IPECAC  ถ้ายังไม่อาเจียนให้ล้างท้องคนไข้แล้วให้ทานถ่านยาแอ็คติเวทเต็ด ซาร์โคล  ภายหลัง  4  ชั่วโมง  ถ้ายังไม่หายให้คนไข้ถ่ายด้วยยาประเภทเกลือ ห้ามให้ยาถ่ายที่เป็นน้ำมัน  แล้วรักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – สำหรับอ้อยและสัปปะรด  ไม่ควรใช้เกินขนาดที่แนะนำ

– ห้ามใช้ฉีดพ่นยอดข้าวโพด

– ดูดซึมเข้าไปในต้นวัชพืชได้โดยผ่านทางราก  ดังนั้น  วัชพืชจึงงอกออกมาก่อนแล้วจึงตายในภายหลัง

– เข้ากันได้กับสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ  และปุ๋ย

 

อะมีโทร

(amitrol)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  triazole  ประเภทไม่เจาะจงพืช  ใช้กำจัดวัชพืช ภายหลังงอก  โดยออกฤทธิ์ผ่านทางใบและราก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  5,000  มก./กก.  ทางผิวหนัง มากกว่า  10,000  มก./กก.(หนู)

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชใบแคบ  เช่น  หญ้าต่าง ๆ  และวัชพืชใบกว้าง  ทั้งประเภทล้มลุกและยืนต้น

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในสวนผลไม้  ตามคลองชลประทานและไหล่ถนน

สูตรผสม                                 80%  เอสพี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  ฉีดพ่นที่ใบพืชให้ทั่วทั้งต้นพืช

การแก้พิษ                               ยังไม่ทราบยาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – ให้ผลในการกำจัดเต็มที่ภายใน  2-3  สัปดาห์

– เป็นสารขัดขวางการสร้าง  chlorophyll  จึงทำให้ใบพืชเป็นสีขาวแดง  และน้ำตาล

– วัชพืชที่มีอายุมากหรือต้นแก่กว่าจะดูดซึมสารนี้ได้ช้ากว่าพืชที่มีอายุอ่อนกว่า

– คงตัวอยู่ในดินได้นาน  2-4  สัปดาห์

 

อะนิโลฟอส

(anilofos)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  organic  phosphate  ประเภทเจาะจงพืช  ใช้กำจัดวัชพืชภายหลังงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  1,000  มก./กก.  (หนูตัวผู้)  สำหรับหนูตัวเมีย  400  มก./กก.  อาจทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคือง

วัชพืชที่กำจัดได้                    หญ้าและวัชพืชใบแคบอื่น ๆ

พืชที่ใช้                                   กำจัดวัชพืชในนาข้าว

สูตรผสม                                 30%  อีซี  ,  1.5%  และ  %  จี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  โดยใช้ในระยะที่วัชพืชมีใบอ่อน  2-5 ใบ  หรือภายหลังจากปักดำแล้ว  4-12  วัน

ข้อควรรู้                                  – เป็นพิษต่อปลา

– ห้ามใช้กับเมล็ดข้าวโดยตรง

– ดูดซึมเข้าไปในต้นวัชพืชได้โดยผ่านทางรากและใบ

– ภายหลังจากใช้แล้ว  วัชพืชจะหยุดเจริญเติบโต  เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ  และตายในที่สุด

– เข้ากับสารกำจัดวัชพืชอย่างอื่นที่กำจัดวัชพืชใบกว้างได้  ยกเว้นสารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง

 

อะซูแลม

(asulam)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  carbamate  ประเภทเจาะจงพืช  ใช้กำจัดวัชพืช ภายหลังงอก  โดยการดูดซึมผ่านทางใบและรากไปยังส่วนต่าง ๆ  ของวัชพืช

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  มากกว่า  4,000  มก./กก.  ทางผิวหนัง  มากกว่า  1,200  มก./กก.  (หนู)

วัชพืชที่กำจัดได้                    ใช้กำจัดวัชพืชพวกหญ้าและวัชพืชใบกว้างทั้งชนิดล้มลุกและยืนต้น

พืชที่ใช้                                   กำจัดวัชพืชในไร่อ้อย  กล้วย  ยางพาราและพื้นที่ ๆ  ไม่มีการเพาะปลูก

สูตรผสม                                 40%  แอลซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  โดยฉีดพ่นภายหลังวัชพืชงอกแล้ว  ถ้ากำจัดวัชพืชในไร่อ้อย  ควรใช้ในระยะที่อ้อยมีความสูงอย่างน้อย  12-36  นิ้ว

การแก้พิษ                               ยังไม่ทราบยาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – ออกฤทธิ์ได้รวดเร็วเมื่อมีอุณหภูมิสูง

– มีพิษต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม  นกและปลาต่ำ

– อาจใช้ผสมฉีดพ่นร่วมกับสารกำจัดวัชพืชพวก  phenoxy  ได้

 

อะทราซีน

(atrazine)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  triazine  ประเภทดูดซึมและกำจัดแบบเจาะจงวัชพืช  ใช้ควบคุมการงอกของเมล็ดวัชพืชและกำจัดในระยะเริ่มงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  1,869  มก./กก.  ทางผิวหนัง มากกว่า  7,500  มก./กก.  อาจทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคืองเล็กน้อย

วัชพืชที่กำจัดได้                    หญ้าขจรจบ  หญ้านกสีชมพู  หญ้าตีนกา  หญ้าหางหมา  ผักเบี้ยใหญ่ น้ำนมราชสีห์  หญ้ายาง  หญ้าอื่น ๆ  และวัชพืชใบกว้างล้มลุกบางชนิด

พืชที่ใช้                                   ข้าวโพด  อ้อย  สัปปะรด  ข้าวฟ่าง  หน่อไม้ฝรั่ง  ต้นฝรั่ง  มะคาเดเมีย

สูตรผสม                                 80%  ดับบลิวพี

อัตราใช้และวิธีใช้                  อัตราใช้แตกต่างกันออกไป  ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช  โดยทั่วไปใช้อัตราระหว่าง  240-460  กรัม/ไร่  ผสมกับน้ำแล้วฉีดพ่นทับหน้าดินที่ปลูกพืช  อย่างไรก็ดี  ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากฉลากก่อนใช้

อาการเกิดพิษ                          ถ้าถูกผิวหนังอาจจะมีอาการระคายเคือง  เช่นเดียวกับที่ดวงตาและเยื่อบุ  หากกลืนกินเข้าไป  อาจมีอาการคลื่นไส้  อาเจียน  ท้องเสีย  หายใจขัด กล้ามเนื้อกระตุกและอาจเกิดอาการชักได้

การแก้พิษ                               ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยสบู่กับน้ำมาก ๆ  ถ้าเข้าตา  ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ  10  นาที  ถ้ากินเข้าไป  ทำให้คนไข้อาเจียนด้วยการล้วงคอหรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่น  หรือ  syrup  of  IPECAC  ถ้าคนไข้ไม่อาเจียน  ให้ล้างท้องคนไข้ทันทีแล้วให้กินถ่านยาแอ็คติเวทเต็ด  ซาร์โคล  ภายหลัง  4  ชั่วโมง  ถ้าคนไข้ยังไม่ถ่าย  ให้ถ่านยาถ่ายประเภทเกลือ  ห้ามใช้ยาถ่ายประเภทน้ำมัน  ในช่วงนี้อย่าให้คนไข้ดื่มนม  ครีมและอาหารที่มีไขมัน  รักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – เมื่อใช้เป็นสารกำจัดวัชพืชแบบไม่เจาะจงพืช  ให้ใช้เมื่อวัชพืชงอกแล้วและยาวไม่เกิน  1  นิ้วครึ่ง

– เมื่อใช้เป็นสารกำจัดวัชพืชแบบเจาะจงพืช  ให้ใช้ก่อนเพาะปลูกหรือระหว่างปลูก

– พืชที่อ่อนแอต่ออะทราซีน  ได้แก่  พืชผักทั้งหมด  เมล็ดธัญพืช แอสพารากัส  ถั่วเหลือง  ถั่วลิสงและมันฝรั่ง

– ฤทธิ์ตกค้างอยู่ในดินได้นานมากกว่า  1  ปี

– ความชื้นจะช่วยให้อะทราซีนออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น

 

เบ็นซัลฟูรอน  เม็ทธิล

(bensulfuron  methyl)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  urea , sulphonyl  urea : pyrimidine  ประเภทเจาะจงวัชพืช  ออกฤทธิ์ในทางดูดซึม  และเข้าไปยับยั้งการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโตของวัชพืช  กำจัดวัชพืชได้ทั้งก่อนงอกและในระยะเริ่มงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  มากกว่า  10,985  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (กระต่าย)  มากกว่า  2,000  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    กำจัดวัชพืชใบกว้างประเภทล้มลุกในนาข้าวได้อย่างกว้างขวาง  รวมทั้งหญ้าทรงกระเทียมด้วย

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในนาข้าว

สูตรผสม                                 10%  ดับบลิวพี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก

อาการเกิดพิษ                          ทำให้ดวงตาเกิดอาการระคายเคือง

การแก้พิษ                               ถ้าเข้าตาให้ล้างตาทันทีด้วยน้ำจำนวนมาก ๆ  นานอย่างน้อย  15 นาที  แล้วไปหาแพทย์  ถ้ากินเข้าไป  ต้องทำให้คนไข้อาเจียนทันทีด้วยการให้คนไข้ดื่มน้ำ  2  แก้วแล้วล้วงคอด้วยนิ้ว  ถ้าคนไข้หมดสติ  อย่าให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดแก่คนไข้  แล้วไปหาแพทย์  รักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – ห้ามใช้ผสมกับสารกำจัดวัชพืชอย่างอื่น

 

เบ็นซูไลด์

(bensulide)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  organophosphorous  ประเภทเจาะจงพืช  ใช้กำจัดวัชพืชก่อนงอก  หรือคุมวัชพืช

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  770  มก./กก.  (หนู)  ทางผิวหนัง  3,950 มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชพวกหญ้าล้มลุกต่าง ๆ  และวัชพืชใบกว้าง

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในไร่ฝ้าย  ในสวนผัก  เช่น  กะหล่ำปลี  แครอท กะหล่ำดอก  หอม  ผักกาดหอม  แตงกวา  พริกไทย  มะเขือเทศและข้าว

สูตรผสม                                 50%  อีซี  และ  48%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราและวิธีตามคำแนะนำบนฉลาก

การแก้พิษ                               ใช้ยาอะโทรปิน  โดยอาจใช้ร่วมกับ  PAM  และ  Toxogonin

ข้อควรรู้                                  – เป็นซูไลด์  มีฤทธิ์ตกค้างยาวนาน  อาจเป็นอันตรายต่อพืชที่ปลูกตามหลังพืชเดิมได้

– ห้ามใช้กับพืชที่ไม่ได้แนะนำบนฉลาก  อย่างน้อยเป็นเวลา  18 เดือนภายหลังใช้

– ให้ผลในการควบคุมวัชพืชได้ประมาณ  6-8  เดือน

 

เบ็นตาโซน

(bentazone)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  benzothiadiazole  ประเภทเจาะจงวัชพืช  ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส  และแทรกซึมเข้าไปในต้นพืชได้โดยผ่านส่วนที่มีสีเขียว  ใช้กำจัดวัชพืชภายหลังงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  1,100  มก./กก.  ทางผิวหนัง มากกว่า  2,500  มก./กก.  อาจทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคือง

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชใบกว้างประเภทล้มลุก

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในไร่ถั่วเหลือง  ข้าว  ข้าวโพด  ถั่วลิสง  ถั่วลันเตา และมันฝรั่ง

สูตรผสม                                 48%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  ผสมกับน้ำฉีดพ่นที่วัชพืชภายหลังงอกแล้ว  ในช่วงระยะที่มีใบ  2-10  ใบ

การแก้พิษ                               ยาแก้พิษโดยเฉพาะยังไม่รู้  รักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – ประสิทธิภาพจะลดลงถ้ามีฝนตกภายหลังฉีดพ่นแล้ว  8  ชั่วโมง

– เมื่อใช้กับข้าว  ให้ใช้เมื่อวัชพืชงอกโผล่พ้นระดับน้ำแล้วเท่านั้น

– ห้ามใช้กับถั่วเหลืองที่กำลังเจริญเติบโตในสภาพที่มีน้ำท่วมขัง ทั้งนี้  อาจทำให้ถั่วเหลืองเป็นอันตรายได้

– อากาศยิ่งร้อนมากขึ้นเท่าใด  ประสิทธิภาพของสารกำจัดวัชพืชนี้ก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น

– ผลในการกำจัดวัชพืชจะปรากฏให้เห็นภายหลังจากใช้แล้ว  2-7 วัน

 

โปรมาซิล

(bromacil)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  uracil  ประเภทเจาะจงในการกำจัดวัชพืชพวกหญ้าล้มลุกและวัชพืชยืนต้นอื่น ๆ  ทั้งก่อนงอกและภายหลังงอก  สามารถดูดซึมเข้าทางรากพืชได้อย่างรวดเร็ว  ผ่านทางใบได้เล็กน้อยและเป็น  Photosynthesis inhibitor

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  5,200  มก./กก.  ทางผิวหนัง มากกว่า  5,000  มก./กก.  อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง

วัชพืชที่กำจัดได้                    หญ้าแพรก  หญ้าข้าวนก  กก  หญ้าตีนกา  หญ้าตีนนก  หญ้าปากควาย หญ้ารังนก  หญ้าหางหมา  หญ้าพง  หญ้าชันอากาศ  หญ้าขน  สาบเสือ  ผักโขม ผักเบี้ยใหญ่  แห้วหมู  รวมทั้งวัชพืชใบแคบอื่น ๆ  และวัชพืชใบกว้างทั้งชนิดล้มลุกและยืนต้น

พืชที่ใช้                                   ส้มเขียวหวาน  มะนาว  ไร่สัปปะรดและพื้นที่ไม่ได้ทำการเกษตร

สูตรผสม                                 80%  ดับบลิวพี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตรา  360-720  กรัม  ผสมกับน้ำ  20  ลิตร  ฉีดพ่นที่ต้นและใบวัชพืชที่กำลังอยู่ในระยะเจริญเติบโต  หรือที่พื้นดินทันทีที่ปลูกสัปปะรดเสร็จและก่อนที่จะแตกยอด

การแก้พิษ                               ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – ห้ามปลูกพืชอื่นบนพื้นที่ที่เคยใช้โปรมาซิลมาแล้วอย่างน้อย  2  ปี

– น้ำฝนจะช่วยให้รากวัชพืชดูดโปรมาซิลเข้าไปในลำต้นได้เร็วขึ้น

– ในระหว่างฉีดพ่น  ควรเขย่าถังฉีดพ่นอย่างสม่ำเสมอ

– ให้ใช้กับส้มที่มีอายุอย่างน้อย  4  ปี  ขึ้นไป

 

บิวตาคลอร์

(butachlor)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  acetamide  ประเภทเจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชได้ทั้งก่อนงอกโดยการคุมวัชพืชและภายหลังงอก  ออกฤทธิ์ด้วยการเข้าไปยับยั้งขบวนการสังเคราะห์โปรตีน  ภายในต้นพืช

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  3,300  มก./กก.  ทางผิวหนัง มากกว่า  13,000  มก./กก.  ทำให้ผิวหนังและดวงตาระคายเคือง

วัชพืชที่กำจัดได้                    กำจัดวัชพืชได้ทั้งใบแคบและใบกว้าง  รวมทั้งกกต่าง ๆ  เช่น  หญ้านกสีชมพู  แห้วทรงกระเทียม  ขาเขียด  ผักปอดนา  ผักแว่น  พังพวย  หญ้าหนวดปลาดุก  กกทราย  และกกขนาก

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในนาข้าว

สูตรผสม                                 60%  อีซี  และ  5%  จี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ขนาด  60%  อีซี  ใช้อัตรา  250  ซีซี  ผสมกับน้ำ  20  ลิตร  ฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่  1  ไร่  ชนิด  5%  จี  ใช้อัตรา  3.2  กก.  หว่านให้ทั่วพื้นที่  1  ไร่  ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากฉลากก่อนใช้ทุกครั้ง

อาการเกิดพิษ                          ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนังจะมีอาการระคายเคือง  เช่นเดียวกับที่ดวงตาและที่จมูก

การแก้พิษ                               ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ  ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ  ถ้ากลืนกินเข้าไป  ต้องทำให้คนไข้อาเจียนแล้วกินถ่านยาแอ็คติเวทเต็ด  ซาร์โคล  พร้อมนำผู้ป่วยส่งแพทย์  สำหรับแพทย์  ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – เป็นพิษต่อปลา

– อย่าใช้ในสภาพอากาศที่คิดว่าจะมีฝนตก  ภายใน  6  ชั่วโมง

– คงตัวอยู่ในดินได้นานประมาณ  10  สัปดาห์

– ผสมกับโปรพานิลได้เมื่อใช้ฉีดพ่นทันทีและกำจัดแบบภายหลังงอก

 

บูตราลิน

(butralin)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  dinitroanilide  ประเภทเจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชทั้งก่อนงอกและหลังงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  12,600  มก./กก.  ทางผิวหนัง 10,200  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    ใช้ควบคุมและกำจัดวัชพืชใบกว้างประเภทล้มลุก  และวัชพืชใบแคบพวกหญ้าต่าง ๆ

พืชที่ใช้                                   กำจัดวัชพืชในไร่ถั่วเหลืองและไร่ฝ้าย

สูตรผสม                                 24%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก

การแก้พิษ                               ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ  รักษาตามอาการ

 

บูทิลเลท

(butylate)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  thiocarbamate  ประเภทเจาะจงพืช  โดยใช้กำจัดวัชพืชก่อนปลูก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  4,000  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    กำจัดวัชพืชใบแคบพวกหญ้าต่าง ๆ

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในไร่ข้าวโพด

สูตรผสม                                 7%  อีซี  ,  5%  และ  10%  จี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก

ข้อควรรู้                                  – เป็นสารที่มีความใกล้เคียงกับสารกำจัดวัชพืช  อีพีทีซี

– ให้ผลในการควบคุมวัชพืชได้นานประมาณ  6  สัปดาห์  และไม่มีผลกระทบต่อพืชที่จะปลูกต่อจากข้าวโพด

– เพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น  อาจใช้ร่วมกับอะทราซีนได้

 

คลอริมูรอน  เอ็ทธิล

(chlorimuron  ethyl)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  sulfonylurea  ประเภทเจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชแบบภายหลังงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  มากกว่า  4,000  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (กระต่าย)  มากกว่า  2,000  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    กำจัดวัชพืชใบกว้างประเภทล้มลุกและกกบางชนิด

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในไร่ถั่วเหลือง

สูตรผสม                                 25%  ดับบลิวพี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก

ข้อควรรู้                                  – หลีกเลี่ยงอย่าให้ถูกกับผิวหนัง  ดวงตาและเสื้อผ้า

– ถ้าเข้าตา  ให้ล้างตาด้วยน้ำจำนวนมาก ๆ  และถ้าเกิดอาการระคายเคืองให้รีบไปพบแพทย์ทันที

– ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนัง  ให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ

 

คลอร์ซัลฟูรอน

(chlorsulfuron)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  triazine  ประเภทเจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชได้ทั้งแบบก่อนงอกและภายหลังงอก  โดยการเข้าไปยับยั้งการขยายหรือแตกตัวของเซลล์ที่รากและหน่อ

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  5,545  มก./กก.  ทางผิวหนัง (กระต่าย)  3,400  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    กำจัดวัชพืชใบกว้างได้เป็นส่วนมาก  และหญ้าล้มลุกได้เป็นบางชนิด

พืชที่ใช้                                   ข้าว  ข้าวสาลี  ข้าวบาเลย์

สูตรผสม                                 75%  จี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก  โดยใช้ในระยะที่วัชพืชเริ่มงอก  ถ้าใช้ในระยะที่วัชพืชมีใบมากกว่า  2-3  ใบแล้ว  จะต้องใช้อัตราเพิ่มขึ้น

ข้อควรรู้                                  – ห้ามใช้กับพืชที่มิได้แนะนำ

– เป็นสารทำให้วัชพืชหยุดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

– ผสมได้กับสารกำจัดวัชพืชและสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ  และปุ๋ยน้ำ

– ใช้กำจัดวัชพืชภายหลังงอกได้ดีกว่าแบบก่อนงอก

 

ซินเม็ทธิลลิน

(cinmethylin)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืชประเภทก่อนงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 1,600 มก./กก. ทางผิวหนัง (กระต่าย) มากกว่า  2,000  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    กำจัดวัชพืชตระกูลหญ้าล้มลุกและวัชพืชใบกว้างบางชนิด

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในนาข้าว  ในไร่ฝ้าย  ถั่วเหลืองและถั่วลิสง

สูตรผสม                                 10%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก

 

ชิโนซัลฟูรอน

(cinosulfuron)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  sulfonyl  urea  ประเภทเจาะจงพืช

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  มากกว่า  5,000  มก./กก.  ทางผิวหนัง มากกว่า  5,000  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชใบแคบและใบกว้างในนาข้าว

พืชที่ใช้                                   ข้าว

สูตรผสม                                 20%  ดับบลิวพี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก

 

คลีโธดิม

(clethodim)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืชประเภทหญ้าและวัชพืชใบแคบทั่วไป ชนิดดูดซึมและกำจัดวัชพืช  ภายหลังงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนูตัวผู้)  3,610  มก./กก.  (หนูตัวเมีย) 2,920  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (กระต่าย)  มากกว่า  5,000  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    หญ้านกสีชมพู  หญ้าข้าวนก  หญ้าตีนนก  หญ้าตีนกา  หญ้าหางจิ้งจอก  หญ้าปากควาย  หญ้าขจรจบ  หญ้าแพรก  หญ้าชันอากาศ

พืชที่ใช้                                   ฝ้าย  ถั่วเหลือง  ถั่วเขียว  ถั่วลิสง  สัปปะรด  พืชตระกูลถั่วอื่น ๆ  และพืชใบกว้างทั้งใบ

สูตรผสม                                 24%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตรา  50-60  ลบ.ซม.  ผสมกับน้ำ  20  ลิตร  หรือ  100-200 ลบ.ซม.  ต่อพื้นที่  1  ไร่  ฉีดพ่นหลังการเพาะปลูกพืช  15-25  วัน  หรือเมื่อวัชพืชมีใบ  3-6  ใบ

การแก้พิษ                               หากเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ  ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ  ถ้ากลืนกินเข้าไป  ให้ดื่มน้ำหรือนม  ห้ามทำให้อาเจียน  แล้วนำผู้ป่วยส่งแพทย์

ข้อควรรู้                                  – ห้ามใช้ในบริเวณที่มีการเพาะปลูก  ข้าวโพด  ข้าวฟ่าง  เดือย  และสนามหญ้า

– อย่าใช้ก่อนจะมีฝนตก  1  ชั่วโมง  เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพลดลง

โคลมาโซน

(clomazone)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืชใบแคบและใบกว้าง  ประเภทก่อนงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนูตัวเมีย)  1,400  มก./กก.  (หนูตัวผู้) 2,343  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (กระต่าย)  มากกว่า  2,000  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชใบแคบ  เช่น  หญ้าข้าวนก  หญ้าตีนกา  หญ้าข้าวนกสีชมพู  หญ้าตีนนก  หญ้าดอกขาว  หญ้าปล้อง  หญ้าขน  หญ้าปากควาย  หญ้าชันอากาศ  ผักเบี้ยหิน  ผักเบี้ยใหญ่

พืชที่ใช้                                   ถั่วเหลือง  ยาสูบ  อ้อย

สูตรผสม                                 48%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตรา  250-450  ซีซี  ต่อไร่  ผสมน้ำแล้วฉีดพ่นหน้าดินแตกต่างกันไปตามสภาพดิน  ตั้งแต่ก่อนปลูกพืชหรือระหว่างการปลูกพืช  หรือปลูกพืชไปแล้วภายใน  4  วัน

การแก้พิษ                               ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่หลาย ๆ  ครั้ง  ถ้าเข้าตาต้องล้างตาด้วยน้ำสะอาดจำนวนมาก ๆ  ถ้าเข้าปากให้ดื่มนมหรือน้ำจำนวนมาก ๆ  ห้ามทำให้อาเจียน  แล้วนำส่งแพทย์

ข้อควรรู้                                  – ละอองยาเพียงเล็กน้อย  อาจทำให้พืชต่าง ๆ  ที่มิได้แนะนำมีอาการใบซีดขาว  และจะหายไปเองภายใน  2-3  สัปดาห์

– พืชที่สามารถปลูกภายหลังการใช้ยานี้ได้  คือ  ข้าว  ข้าวโพด  ข้าวฟ่าง  ยาสูบ  ฝ้าย  มันฝรั่ง  แตง  อ้อย  ถั่ว  สำหรับพืชอื่น ๆ  สามารถปลูกตามได้

– ภายในระยะเวลา  4-5  เดือน

 

โคลโปรซี่ดิม

(cloproxydim)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืชประเภทเจาะจงพืชและภายหลังงอก

ความเป็นพิษ                          ยังไม่ได้ทำการทดลอง

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชตระกูลหญ้าทั้งหมด

พืชที่ใช้                                   อยู่ในระหว่างการทดลองใช้  กำจัดวัชพืชในไร่ฝ้าย  ถั่วลิสง  ถั่วเหลือง  ถั่วลันเตา  มะเขือเทศ  และพืชใบกว้างอื่น ๆ

สูตรผสม                                 4%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  โดยใช้ภายหลังจากวัชพืชงอกแล้วมีความสูง  8-10  นิ้ว

ข้อควรรู้                                  – เป็นอันตรายต่อธัญพืช

– สามารถควบคุมวัชพืชได้  5-6  สัปดาห์  ถ้าใช้กำจัดวัชพืชแบบภายหลังงอก

 

โคลพัยราลิด

(clopyralid)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  มากกว่า  5,000  มก./กก.  ทางผิวหนัง  (กระต่าย)  มากกว่า  2,000  มก./กก.  อาจทำให้ดวงตาและผิวหนังเกิดอาการระคายเคือง

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชทั่วไป  ทั้งชนิดใบแคบและใบกว้าง

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และพื้นที่ไม่มีการเพาะปลูก

ข้อควรรู้                                  – เป็นอันตรายเมื่อกลืนกินเข้าไป

– หลีกเลี่ยงอย่าให้ถูกกับผิวหนังและเสื้อผ้า

– อย่าหายใจเอาละอองไอเข้าไป

 

ซีเอ็นพี

(CNP)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  diphenyl  ester  ประเภทเจาะจงพืช  และออกฤทธิ์ในทางสัมผัส

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  10,800  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชใบแคบและใบกว้างทั่วไป

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในนาข้าว  ทั้งนาดำและนาหว่าน  กะหล่ำปลีและผักกาดหอม

สูตรผสม                                 20%  อีซี  ,  7%  และ  9%  จี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  สำหรับนาดำให้ใช้ก่อนปักดำ  3  วันถึง  6  วันภายหลังจากปักดำแล้ว  พืชอื่น ๆ  ให้ใช้ภายหลังจากงอกหรือภายหลังปลูกต้นกล้าเรียบร้อยแล้ว

ข้อควรรู้                                  – ให้ใช้กับพืชที่แนะนำบนฉลากเท่านั้น

– อาจเป็นอันตรายต่อใบเมื่อใช้ในขณะที่ใบเปียก

– ฆ่าวัชพืชภายหลังงอก

– มีประสิทธิภาพในการคุมวัชพืชได้ประมาณ  30  วัน

 

คอปเปอร์  เอ็ทธิลลีนไดอะมีน

(copper  ethylenediamine)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืชในน้ำ

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  1  มิลลิลิตร/กก.  ทางผิวหนัง (กระต่าย)  8  มิลลิลิตร/กก.

ศัตรูพืชที่กำจัดได้                  สำหรับเส้นด้าย  สำหรับข้าวเหนียว  สำหรับหางกะรอก  และวัชพืชน้ำอื่น ๆ

พืชที่ใช้                                   ส้มเขียวหวาน  ส้มโอ  และพืชตระกูลส้มทั่วไป

สูตรผสม                                 15.2%  เอเอส

 

คอปเปอร์  ไตรเอ็ทธาโนลามีน

(copper  triethanolamine)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืชในน้ำ

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  470  มก./กก.  ทางผิวหนัง (กระต่าย)  8  กรัม/กก.

ศัตรูพืชที่กำจัดได้                  สาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว  และวัชพืชน้ำอื่น ๆ

พืชที่ใช้                                   ตามร่องน้ำในสวนผลไม้

สูตรผสม                                 37.5%  เอเอส

 

ไซอานาซีน

(cyanazine)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  triazine  ประเภทเจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชก่อนงอกหรือในระยะเริ่มงอก  ดูดซึมเข้าไปในลำต้นได้โดยผ่านทางราก  เป็นตัวขัดขวางขบวนการสังเคราะห์แสง  (photosynthesis  inhibitor)

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู)  288  มก./กก. ทางผิวหนัง (กระต่าย) มากกว่า  2,000  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชใบแคบตระกูลหญ้าและวัชพืชใบกว้างที่มีอายุสั้นหรือประเภทล้มลุก

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในไร่ข้าวโพด  ถั่วเหลือง  ฝ้าย  สัปปะรด  ข้าวสาลี  มันฝรั่ง  อ้อย  ถั่วลันเตา  แอสพารากัส  และเมล็ดธัญพืช

สูตรผสม                                 50%  ดับบลิวพี

อัตราใช้และวิธีใช้                  เพื่อคุมวัชพืช  ใช้อัตรา  1.5  กก.  ผสมกับน้ำ  100  ลิตร  ฉีดพ่นคลุกพื้นที่  1  ไร่  ถ้าใช้ปราบวัชพืชในระยะเริ่มงอกให้ใช้อัตรา  650-800  กรัม ผสมกับน้ำ  100  ลิตรฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่  1  ไร่

อาการเกิดพิษ                          จะมีอาการคลื่นไส้  อาเจียน  มวนท้อง  ท้องเสีย  เกิดอาการระคายเคืองตามทางเดินอาหารและเยื่อบุต่าง ๆ  เช่น  ดวงตา  บางรายอาจมีอาการเซื่องซึม  หายใจแรง-เร็ว  เส้นเลือดขยายตัวทำให้ความดันโลหิตต่ำ

การแก้พิษ                               ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนัง  ให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ  ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ  ถ้ากลืนกินเข้าไป  รีบทำให้คนไข้อาเจียนด้วยการล้วงคอหรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่น  สำหรับแพทย์  ให้คนไข้กินถ่านยาแอ็คติเวทเต็ด  ซาร์โคล ขนาด  30-60  กรัม  ผสมกับน้ำ  5-10  ออนซ์  และกินซ้ำทุก  4  ชม.  ถ้าท้องไม่เสีย  ให้คนไข้ถ่ายท้องด้วยยาโซเดียมซัลเฟท  ตามขนาดการใช้  แล้วรักษาตามอาการต่อไป

ข้อควรรู้                                  – ในขณะใช้ควรเขย่าถังพ่นอยู่เสมอ

– อย่าใช้กับดินทรายหรือดินร่วนปนทรายที่มีอินทรีย์วัตถุต่ำกว่า  1%

– เมื่อผสมกับปุ๋ย  ห้ามใช้ฉีดพ่นภายหลังงอก

– ออกฤทธิ์โดยผ่านทางรากเป็นส่วนใหญ่

– อาจใช้สารกำจัดศัตรูพืชอย่างอื่นผสมได้  เพื่อเพิ่มฤทธิ์ในการกำจัดวัชพืช

– อาจใช้สารกำจัดวัชพืชอย่างอื่นผสมได้  เพื่อเพิ่มฤทธิ์ในการกำจัดให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

– ให้ผลในการควบคุมวัชพืชได้นาน  10-12  สัปดาห์

 

ไซโคลเอท

(cycloate)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  thiocarbamate  ประเภทเจาะจงพืช

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  3,160  มก./กก.  (ชนิด  6  อี)  4,640  มก./กก.  (ชนิด  10  จี)  และ  2,000-4,100  มก./กก.  (ชนิด )

วัชพืชที่กำจัดได้                    กำจัดวัชพืชตระกูลหญ้าประเภทล้มลุก  หญ้ายืนต้นบางชนิด  และวัชพืชใบกว้างหลายอย่าง

พืชที่ใช้                                   ใช้กำจัดวัชพืชในไร่  sugar  beets , table  beets , spinach

สูตรผสม                                 6%  อีซี  ,  10%  จี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก  โดยวิธีคลุกดินให้ลึก  2-3  นิ้ว  ก่อนปลูกพืช

ข้อควรรู้                                  – ห้ามผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอย่างอื่น

– เป็นพิษต่อปลา

– ปลูกพืชทันทีที่คลุกดินเรียบร้อยแล้ว

– เพื่อให้ผสมกับดินได้อย่างทั่วถึง  จึงควรคลุกในขณะที่ดินแห้ง

– ให้ผลในการควบคุมวัชพืชได้  6-12  อาทิตย์

 

ไซโคลซีดิม

(cycloxydim)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืชประเภทเจาะจง  สำหรับพืชใบกว้างและกำจัดแบบ ภายหลังงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) มากกว่า  5,000  มก./กก.  ทางผิวหนังมากกว่า  2,000  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชตระกูลหญ้าทั้งประเภทล้มลุกและยืนต้น

พืชที่ใช้                                   ฝ้าย  หอม  มันฝรั่ง  ถั่วเหลือง  ทานตะวันและผักต่าง ๆ

สูตรผสม                                 20%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ตามคำแนะนำบนฉลาก

 

ดาลาพอน

(dalapon)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  organochlorine  ประเภทเจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชก่อนปลูกและหลังปลูก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  9,330  มก./กก.  (sodium  salt)  ทางผิวหนัง  มากกว่า  2,000  มก./กก.  ทำให้ผิวหนังและดวงตาของผู้แพ้เกิดอาการระคายเคือง

วัชพืชที่กำจัดได้                    หญ้าคา  หญ้าพง  หญ้าขน  หญ้าล้มลุกและหญ้ายืนต้นอื่น ๆ

พืชที่ใช้                                   กาแฟ  ฝ้าย  ส้ม  อ้อย  มันสำปะหลัง  ปาล์มน้ำมัน  ยางพารา มะพร้าว  กล้วย  แอสพารากัส  องุ่นและสวนป่า

สูตรผสม                                 85%  เอสพี

อัตราใช้และวิธีใช้                  กำจัดวัชพืชในสวนยางพารา  ใช้อัตรา  1.8  กก.ผสมกับน้ำ  80-100 ลิตร  ฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่  1  ไร่  สำหรับพืชอื่น ๆ  ใช้อัตรา  125-360  กรัม  ผสมกับน้ำ  20  ลิตร  ฉีดพ่นเป็นจุด ๆ  หรือทั่วแปลง  แล้วแต่ความเหมาะสม

การแก้พิษ                               ถ้ามีอาการระคายเคืองที่ผิวหนังและดวงตาให้ล้างด้วยน้ำจำนวนมาก ๆ  ถ้าคนไข้กลืนกินเข้าไป  ต้องทำให้คนไข้อาเจียนและหลีกเลี่ยงการดื่มหรือกินอาหารที่มีไขมัน  หรือแอลกอฮอล์ผสมอยู่  สำหรับแพทย์  รักษาตามอาการ  ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ

ข้อควรรู้                                  – กัดกร่อน  โลหะ  ไม่ระเหยและไม่ติดไฟ

– ดูดซึมผ่านได้ทั้งทางใบและราก  เคลื่อนย้ายไปสู่ส่วนต่าง ๆ  ของพืชได้อย่างรวดเร็ว

– คงตัวอยู่ในดินและยับยั้งการเจริญเติบโตของพืชได้นาน  60  วัน หรือมากกว่า  โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่แห้งและเย็น

– อาจใช้ร่วมกับสารกำจัดวัชพืชอย่างอื่น  เช่น  อะทราซีน  ได้

 

ไดแคมบา

(dicamba)

การออกฤทธิ์                          เป็นสารกำจัดวัชพืช  benzoic  ประเภทเจาะจงพืช  กำจัดวัชพืชได้ทั้งก่อนงอกและภายหลังงอก

ความเป็นพิษ                          มีพิษเฉียบพลันทางปาก  (หนู)  2,900  มก./กก.  ทางผิวหนัง มากกว่า  2,000  มก./กก.

วัชพืชที่กำจัดได้                    วัชพืชใบกว้างประเภทล้มลุกและยืนต้น

พืชที่ใช้                                   ข้าวโพด  ข้าวฟ่าง  ข้าวบาเลย์  ข้าวโอ๊ต  หญ้าต่าง ๆ  อ้อย  และกำจัดวัชพืชในพื้นที่ ๆ  ไม่ได้ทำการเพาะปลูก

สูตรผสม                                 40.6%  อีซี

อัตราใช้และวิธีใช้                  ใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก

การแก้พิษ                               ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ  ถ้ากลืนกินเข้าไป  ให้คนไข้ดื่มน้ำมาก ๆ แล้วทำให้อาเจียน  รักษาตามอาการ

ข้อควรรู้                                  – ดูดซึมเข้าลำต้นได้โดยผ่านทางใบ

– ถั่วเหลืองและถั่วลันเตาอ่อนแอต่อสารชนิดนี้มาก

– ใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ  ได้เป็นส่วนมาก

– ฤทธิ์สารกำจัดวัชพืชจะอยู่ในดินได้หลายสัปดาห์  หรือเป็นเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ

– ฆ่าวัชพืชเมื่องอกออกมาแล้ว