แมลงศัตรูพืช : เพลี้ยไฟ
ชีวินทรีย์/สารป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช : อิมิดาคลอพริด (10% เอสดี) / อะบาเมคทริน (1.8% อีซี) / ฟิโบรนิล (5% เอสดี) / ไซเพอร์เมทริน/โฟซาโลน
(28.75% อีซี)
อัตราการใช้/น้ำ 20 ลิตร : อิมิดาคลอพริด (10% เอสดี) 10-20 มล.ล. / อะบาเมคทริน (1.8% อีซี) 10-20 มล.ล. / ฟิโบรนิล (5% เอสดี) 20 มล.ล. / ไซเพอร์เมทริน/โฟซาโลน(28.75% อีซี)40 มล.ล.
วิธีการใช้/ข้อควรระวัง :
– อิมิดาคลอพริด (10% เอสดี) พ่น 5-7 วัน ในฤดูร้อนหรือ7-10วันในฤดูฝน เมื่อพบเพลี้ยไฟมากกว่า 10ตัว/40 ช่อดอก หยุดการใช้สารก่อนเก็บเกี่ยว (วัน) : 14
– อะบาเมคทริน (1.8% อีซี) พ่น 5-7 วัน ในฤดูร้อนหรือ7-10วันในฤดูฝน เมื่อพบเพลี้ยไฟมากกว่า 10ตัว/40 ช่อดอก หยุดการใช้สารก่อนเก็บเกี่ยว (วัน) : 7
– ฟิโบรนิล (5% เอสดี) พ่น 5-7 วัน ในฤดูร้อนหรือ7-10วันในฤดูฝน เมื่อพบเพลี้ยไฟมากกว่า 10ตัว/40 ช่อดอก หยุดการใช้สารก่อนเก็บเกี่ยว (วัน) : 7
– ไซเพอร์เมทริน/โฟซาโลน(28.75% อีซี) พ่น 5-7 วัน ในฤดูร้อนหรือ7-10วันในฤดูฝน เมื่อพบเพลี้ยไฟมากกว่า 10ตัว/40 ช่อดอก หยุดการใช้สารก่อนเก็บเกี่ยว (วัน) : 5

Read More

โรค : โรคเน่าดำ / โรคยอดเน่า /โรคเน่าเข้าไส้
สารป้องกัน กำจัดโรคพืช : ฟอสฟอรัส แอซิด / เมทาแลกซิล (25% ดับบลิวพี) / ฟอสอีทิลอะลูมิเนียม (80% ดับบลิวพี)
อัตราการใช้/น้ำ 20 ลิตร : ฟอสฟอรัส แอซิด 30-50 มิลลิลิตร / เมทาแลกซิล (25% ดับบลิวพี) 40กรัม / ฟอสอีทิลอะลูมิเนียม (80% ดับบลิวพี)25-50 กรัม
วิธีการใช้/ข้อควรระวัง :
– ฟอสฟอรัส แอซิด ควรพ่นในช่วงที่แดดไม่จัด หยุดการใช้สารก่อนเก็บเกี่ยว(วัน) : –
– เมทาแลกซิล (25% ดับบลิวพี) ไม่ควรผสมกับปุ๋ยและสารเคมี อื่นๆ ควรพ่นสลับกับสารเคมีอื่น หยุดการใช้สารก่อนเก็บเกี่ยว(วัน) : 10
– ฟอสอีทิลอะลูมิเนียม (80% ดับบลิวพี) ไม่ควรผสมกับปุ๋ย หยุดการใช้สารก่อนเก็บเกี่ยว(วัน) : 10

Read More

ความเป็นพิษของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช (Pesticides toxicity) คือ คุณสมบัติของสารกำจัดศัตรูพืชในการก่อให้เกิดการบาดเจ็บ หรืออันตรายต่อสิ่งมีชีวิต อาจเกิดกับศัตรูพืชที่เป็นเป้าหมาย และเกิดกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่ไม่ใช่เป้าหมายได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคน สัตว์ และสิ่งมีชีวิตที่เป็นประโยชน์ เช่น แมลงผสมเกสร แมลงตัวห้ำ ไรตัวห้ำ แมลงเบียน สัตว์ขาปล้องต่างๆ สิ่งมีชีวิตในน้ำ การนำสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชมาใช้ประโยชน์ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาวิธีการใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม ลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งตัวเกษตรกรผู้ใช้ ผู้คน สัตว์เลี้ยง ดังนั้นข้างฉลากสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช จะต้องมีคำเตือน เช่น พิษต่อปลา พิษต่อผึ้ง รวมทั้งวิธีการรักษาหากได้รับพิษ อย่างไรก็ตามอันดับแรกที่จะต้องนำมาพิจารณา คือความเป็นพิษและความเป็นอันตรายต่อคนของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช

Read More

การผสมสารเคมี มากกว่า 2 ชนิด จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

1. ฤทธิ์เพิ่มขึ้น (Synergistic effect) ความหมายคือ หลังจากที่สารเคมี 2 ชนิด ผสมกันแล้วเกิดปฏิกิริยาเคมีในทางที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น หรือทำให้เพิ่มฤทธิ์ในการฆ่าศัตรูพืชมากขึ้น เกิดจากการเพิ่มฤทธิ์ทางเคมี (ซึ่งแตกต่างจากการใช้สารเสริมฤทธิ์ (Adjuvants) ที่เสริมคุณสมบัติทางกายภาพทำให้สารเคมีแทรกซึมใบพืช หรือเข้าตัวแมลงได้ดี ซึ่งจะนำเสนอเรื่อง สาร Adjuvants ในโอกาสหน้า) การที่สารเคมีที่เพิ่มฤทธิ์กันได้นั้น ที่จริงแล้วต้องมีงานวิจัยเกี่ยวกับความเป็นพิษโดยการทำการทดสอบ Bio-assay กับแมลงศัตรูพืชของสารเดี่ยวแต่ละตัวก่อน โดยหาอัตราหรือความเข้มข้นที่ทำให้แมลงตาย 50% (LD50 หรือ LC50) หลังจากนั้นนำสารเคมี 2 ชนิดนั้น มาผสมกัน (การผสมจะมีอัตราส่วนของสารออกฤทธิ์ เช่น 1:1 1:2 2:1 1:10 ฯลฯ) แล้วคำนวณค่าความเป็นพิษ ซึ่งการหาค่าระดับความเป็นพิษจะศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอัตรา(หรือความเข้มข้น)ของสารกับอัตราการตายของแมลง (Dosage-mortality) คำนวณตามวิธีการของ Finney (1971) ที่เรียกว่า Probit Analysis แล้วคำนวณให้ได้ค่า Co-toxicity Coefficient (CTC) ตามวิธีของ Sun และคณะ (1960) ซึ่งเป็นรายละเอียดเชิงลึก จะไม่ขอกล่าวในที่นี้

Read More

การพ่นสารเคมีเกษตรไม่ว่าจะเป็นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช หรือสารเร่งการเจริญเติบโตของพืช เช่น สารฆ่าแมลง สารกำจัดวัชพืช สารฆ่าไร เชื้อไวรัส เอ็น พี วี (NPV) เชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรากำจัดแมลง ปุ๋ย และฮอร์โมนพืช ล้วนมีเป้าหมายที่ต้นพืช แมลงศัตรูพืช เชื้อราสาเหตุโรคพืช ที่อาศัยอยู่บนส่วนต่างๆ ของพืช หรือภายในต้นพืช ขณะเดียวกันผิวของใบและต้นพืชซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนที่สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชจะตกกระทบโดยตรงจะมีไขปกคลุมอยู่ซึ่งมากหรือน้อยจะขึ้นกับชนิดของพืช แม้แต่ผนังลำตัวของแมลงก็แบ่งเป็นชั้นๆ และมีคุณสมบัติมีไขมันเป็นองค์ประกอบทั้งสิ้น องค์ประกอบที่เป็นไขมันนี้จะไม่ละลายน้ำ หรือมีคุณสมบัติเป็น hydrophobic ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตมักจะทำรูปแบบของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชมีส่วนผสมของตัวพาหะ (carriers)หรือส่วนที่ไม่ใช่สารออกฤทธิ์ (inert ingredient) ที่จะนำพาสารออกฤทธิ์ (Active ingredient) ให้เข้าถึงเป้าหมายคือ ผนังลำตัวของแมลง หรือเซลล์ เนื้อเยื่อของพืช ซึ่งตัวนำพาจะต้องมีความสามารถในการแทรกซึมให้ถึงจุดเป้าหมาย( site of action) ในกรณีของสารฆ่าแมลงที่ออกฤทธิ์แบบถูกตัวตายส่วนมากก็คือให้สารออกฤทธิ์เข้าถึงระบบประสาทของแมลง โดยที่บริษัทผู้ผลิตมักผสมสารนำพาแตกต่างกันไปตามสูตร (formulations) เช่น สารอีมัลซิไฟเออร์ (emulsifiers), สารแพร่หรือแผ่กระจาย (dispersing agents, spreaders) เป็นต้น อย่างไรก็ตามสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชจะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดหลังจากการพ่นสารไปแล้วมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการคือ

Read More

คำว่า “ยาร้อน” “ ยาเย็น” เป็นการตอบสนองของพืช ที่แสดงออกหลังจากที่มีการพ่นสารเคมี โดยเฉพาะสารกำจัดแมลง ไรศัตรูพืช สารกำจัดโรคพืช และสารกำจัดวัชพืช (แต่ในที่นี้ผู้เขียนเน้นไปที่สารกำจัดแมลง ไรศัตรูพืช สารกำจัดโรคพืช จะไม่รวมถึงสารกำจัดวัชพืช เนื่องจากสารกำจัดวัชพืชมีวัตถุประสงค์ที่จะนำไปกำจัดพืชที่ไม่ต้องการ ดังนั้นอาจมีผลกระทบต่อพืชหลัก หรือพืชประธานได้ ถ้าสารกำจัดวัชพืชนั้นไม่เลือกทำลาย หรือเลือกทำลาย แต่มีการใช้อัตราสูงมากกว่าคำแนะนำ หรือมีผลข้างเคียงต่อพืชประธาน หรือพืชที่นำมาปลูกต่อภายหลังเก็บเกี่ยวแล้ว) ดังนั้นจะมีคำที่เกี่ยวข้องกับอาการที่พืชแสดงออกภายหลังจากพ่นสารกำจัดศัตรูพืชไปแล้ว คือ ความเป็นพิษต่อพืช (Phytotoxicity) และผลข้างเคียง (Side effect)

Read More

โรคราแป้ง Powdery mildew

อาการโรค

เชื้อราจะเข้าทำลายและเจริญเติบโตได้บนทุกส่วนของต้นแตงที่อยู่เหนือดินโดยจะเกิดอาการเป็นผงหรือฝุ่นแป้งสีขาวขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วไปตรงจุดที่เกิดโรค ในระยะแรกเนื้อเยื่อตรงที่เกิดอาการขึ้นนี้จะไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ จนกระทั่งเป็นมากเชื้อราขึ้นคลุมไปหมด สีของต้นเถาหรือใบจะค่อยๆ ซีดเหลืองแล้วแห้งในเวลาต่อมา โดยเฉพาะถ้าเป็นส่วนที่ยังอ่อนอยู่อาจจะตายได้ สำหรับลูกหรือผลแตงอาการโรคจะเกิดขึ้นน้อยกว่าบนต้นและใบนอกจากพวกที่ติดโรคง่าย เช่น แตงโม แคนทาลูป และแตงร้าน ในรายที่เกิดโรครุนแรง และสิ่งแวดล้อมเหมาะสม ก็จะเกิดโรคขึ้นที่ลูกได้เช่นกัน และอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ ถ้าเป็นในระยะที่ลูกยังเล็ก หรืออ่อนอยู่โดยจะทำให้เกิดอาการแกร็น บิดเบี้ยว เสียรูปทรงผิวขรุขระ เป็นตุ่มหรือแผลขึ้นที่เปลือก ส่วนในลูกที่เจริญเติบโตเต็มที่ เมื่อเป็นโรคก็จะทำให้เกิดความไม่น่าดู ขายไม่ได้ราคา

Read More

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Solanum
ชื่อสามัญ : มะเขือ
ชื่อสามัญอังกฤษ : Eggplant

ข้อมูลทั่วไป
มะเขือเปราะเป็นพืชที่อยู่ในตระกูล (Family) Solanaceae เป็นผักเมืองร้อนแบ่งได้เป็นประเภท พวกที่มีผลกลมยาว และพวกที่มีผลกลม สามารถปลูกได้ดีในดินทุกชนิดได้ผลดีที่สุดในดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำดี ถ่ายเทอากาศได้ดีและมีแสงแดดทั้งวัน มะเขือเปราะจะเจริญเติบโตไม่ดีในอุณหภูมิเย็นจัด โดยเฉพาะถ้าอากาศกลางคืนเย็นและกลางวันสั้นจะให้ผลผลิตต่ำ

Read More

เมื่อกล่าวถึงการลำเลียงอาหารในพืช คำว่า อาหาร ในที่นี้หมายถึง สารอินทรีย์ต่างๆ เช่น น้ำตาลกลูโคส ซึ่งจะถูกลำเลียงผ่านเนื้อเยื่อที่เรียกว่า โฟลเอม (Pholoem) การลำเลียงสารอินทรีย์ในพืชเรียกว่า Translocation

สารอินทรีย์ที่ได้จากการสังเคราะห์แสงนั้น บางส่วนไม่ได้ถูกขนส่งไปไหน แต่จะถูกเก็บไว้ที่ใบซึ่งเป็นแหล่งสร้างพวกมันขึ้นมา ส่วนที่เหลือจะถูกขนส่งลำเลียงไปยังส่วนต่างๆของพืช ตั้งแต่ลำต้น ดอก กิ่ง และผล

Read More

กลุ่มของสารและกลไกการออกฤทธิ์

กลุ่มแม่ทัพ ใช้เป็นหลักในการหยุดยั้งการระบาดอย่างรวดเร็ว
กลุ่ม 5 สปินโนแซด – ซัคเซส , สไปนีโทแรม – เอ็กซอล
กลุ่ม 13 คลอร์ฟีนาเพอร์ – แรมเพจ , แฟนทอม
กลุ่ม 18 เมทอกซีฟีโนไซด์ – โปรดีจี้ , เพเซอร์
กลุ่ม 21 โทลเฟนไพเรด – ฮาชิ-ฮาชิ
กลุ่ม 28 ไซแอนทรานิลิโพรล – บีนีเวียร์
กลุ่ม 29 ฟลอนิคามิด — เทปเปกิ

Read More